ใครอยู่-ใครไป? เมื่อ AI เข้ามาแทนคน
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
“หุ่นยนต์จะแย่งงานมนุษย์ 800 ล้านตำแหน่งในปี 2030”
McKinsey & Company บริษัทรับให้คำปรึกษาด้านการจัดการภายในองค์กรชื่อดัง ออกมาเปิดเผยผลการศึกษาในหัวข้อดังกล่าว โดยชี้ว่า ภายในปี 2030 หรืออีกประมาณ 12 ปีต่อจากนี้ หุ่นยนต์หรือปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์มากถึง 800 ล้านตำแหน่งทั่วโลก
อ่านแล้วอย่าเพิ่งตกใจ เพราะในอีกด้านหนึ่ง หุ่นยนต์อาจเข้ามาช่วยให้เราทำงานง่ายและสะดวกสบายขึ้น แต่ก็จะมีบางสาขาอาชีพที่ต้องปรับตัวและพัฒนามากหน่อย เพื่อไม่ให้ถูกหุ่นยนต์แย่งงาน
ล่าสุดเว็บไซต์ https://willrobotstakemyjob.com/ ทำโปรแกรม “Will Robots Take My Job?” มาให้ทดสอบว่าอาชีพใดบ้างที่มีโอกาศถูก AI แย่งงาน ซึ่งพบว่า 9 อาชีพที่มีโอกาสโดน AI เข้ามาแทนที่มากที่สุด และมี 4 อาชีพที่หุ่นยนต์แทนไม่ได้
9 อาชีพมีโอกาสโดน AI แย่งงาน
1.Call center โอกาส 99%
มีผลวิจัยที่ระบุว่า การเติบโตในอาชีพพนักงานขายทางโทรศัพท์ และ Call center จะลดลงเหลือ 3% ในปี 2024 ถือเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ แต่เพราะอาชีพการขายผ่านทางโทรศัพท์ ไม่ต้องมีประสบการณ์ด้านสังคมหรืออารมณ์ จึงมีโอกาสมากที่จะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์
2.พนักงานลงบัญชี โอกาส 98%
อาชีพนี้ถูกคาดการณ์ว่าจะลดลง 8% ในปี 2024 และไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ เพราะการเก็บรายรับ รายจ่าย การลงบัญชี อาจถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ ตอนนี้ก็มีโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปในประเทศไทย อย่าง Trclound.org Flowaccount.com ที่สามารถทำให้เจ้าของกิจการหรือเจ้าหน้าที่บัญชี สามารถลงบัญชีได้ด้วยตัวเอง
3.ผู้จัดการด้านค่าตอบแทนและสวัสดิการ โอกาส 96%
บริษัทยิ่งเติบโตมากขึ้นเท่าไหร่ ระบบที่ใช้คนและงานเอกสารเป็นพื้นฐาน ก็ย่อมใช้เวลาและงบประมาณสูง ระบบคำนวณค่าตอบแทนอัตโนมัติช่วยประหยัดเวลาในการจัดสรรสวัสดิการและค่าตอบแทนให้พนักงานจำนวน เช่น โปรแกรม Ultipro และ Workday ที่ถูกใช้อย่างแพร่หลาย
4.พนักงานส่งของ โอกาส 94%
พนักงานส่งของในอนาคตอาจจะถูกแทนที่โดยโดรนหรือหุ่นยนต์ ซึ่งอาจยังไม่เห็นผลในตอนนี้เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานยังไม่เรียบร้อย แต่สิ่งนี้อาจเห็นผลกว่า 5% ภายใน 2024
5.พนักงานขายสินค้าตามห้าง โอกาส 92%
ห้างสรรพสินค้า โชว์รูมรถยนต์ หรือร้านขายเฟอร์นิเจอร์ หลายๆบริษัท ได้เพิ่มความเป็นส่วนตัวและอำนวยความสะดวก ให้ลูกค้าสามารถ จ่ายเงินได้ด้วยตัวเอง และผู้บริโภคหลายๆคนในปัจจุบัน หาข้อมูลประกอบการตัดสินใจจากอินเทอร์เน็ตด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาพนักงานขายของตามห้างอีกต่อไป
6.พนักงานพิสูจน์อักษร โอกาส 84%
โปรแกรมพิสูจน์อักษรถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย จากฟังก์ชั่นพื้นฐานอย่าง Microsoft word ไปจนถึงโปรแกรมตรวจพิสูจน์อักษรอย่าง Grammarly และ Hemingway App และยังมีเทคโนโลยีอีกมากมายที่ช่วยให้นักเขียนสามารถตรวจพิสูจน์อักษรได้ด้วยตัวเอง
7.Computer support โอกาส 65%
ด้วยการเข้ามาของอินเทอร์เน็ต เนื้อหาบนออนไลน์ เกี่ยวกับวิธีการใช้ คำแนะนำเป็นขั้นเป็นตอนในการแก้ปัญหาเบื้องต้นทางคอมพิวเตอร์ จึงไม่แปลกใจที่ในหลายๆ องค์กรเริ่มใช้ Bots และการตอบแบบอัตโนมัติ ในการช่วยแก้ปัญหาให้พนักงานและลูกค้าในอนาคต
8.นักวิจัยการตลาด โอกาส 61%
ปัจจุบันระบบอัตโนมัติ สามารถสร้างข้อมูลงานวิจัย และคอนเทนท์ด้านการตลาด ได้มากกว่าและง่ายกว่าคน เช่น GrowthBot สามารถรวบรวมงานวิจัยการตลาดในหัวข้อที่คุณสนใจและคู่แข่งในอุตสาหกรรมนั้นๆ ซึ่งแจ้งผ่านทางคำสั่งทาง Slack (โปรแกรมแชทสำเร็จรูป) ได้ทันที
9.พนักงานขายโฆษณา โอกาส 54%
การโฆษณาปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงจากสื่อดั้งเดิม ไปเป็นสื่อดิจิทัลมากขึ้น และสื่อใหม่เหล่านี้สามารถสร้างระบบให้ผู้ใช้บริการซื้อโฆษณาได้ด้วยตัวเอง จึงไม่มีพนักงานขายมาเกี่ยวข้องในสื่อดิจิทัล ประกอบกับความนิยมในสื่อดั้งเดิมลดลง ยิ่งทำให้อาชีพนี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วง
แม้จะมีบางอาชีพที่มีแนวโน้มและความเสี่ยงที่จะถูกหุ่นยนต์แย่งงาน แต่ก็มีบางสายอาชีพที่คาดการณ์ว่าน่าจะอยู่รอด อย่างเช่น 4 อาชีพนี้ ที่หุ่นยนต์ทำแทนไม่ได้
4 อาชีพ หุ่นยนต์แทนไม่ได้
1.สัปเหร่อและงานฌาปณกิจ
กิจการที่เกี่ยวข้องกับความตายเป็นงานที่หลายคนไม่รู้สึกดีนักเมื่อต้องเอ่ยถึง และผู้ที่ทำอาชีพนี้ต้องมีความอดทนสูง มีความเห็นอกเห็นใจให้ผู้ที่สูญเสีย ที่ต้องการการพูดให้กำลังใจ ซึ่งนั่นเป็นความพิเศษที่หุ่นยนต์ไม่สามารถเข้ามาแทนที่ได้
2.นักจิตวิทยา
นักจิตวิทยาและนักบำบัด เป็นอาชีพที่จำเป็นมากในยุคนี้สมัยนี้ เนื่องจากโลกและภาคธุรกิจมีการแข่งขันสูง ทำให้เกิดความเครียดได้ง่าย การเข้ารับการบำบัดจากนักจิตวิทยาที่เป็นมนุษย์ ซึ่งมีทั้งน้ำเสียง พลัง และกริยาท่าทางการแสดงออก จึงสามารถกระตุ้นให้เกิดความเชื่อมั่นได้ อย่างที่หุ่นยนต์ไม่สามารถทำได้
3.ตำแหน่งผู้นำ
หลายคนอาจมีความต้องการลึกๆ ให้หุ่นยนต์ที่ปัจจุบันมีความชาญฉลาดไม่แพ้มนุษย์ เข้ามาแทนที่ในตำแหน่งผู้นำ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำองค์กรหรือผู้นำประเทศ แต่การเป็นผู้นำต้องปฏิสัมพันธ์กับผู้ใต้บังคับบัญชา หรือหากเป็นผู้นำประเทศก็ต้องปฏิสัมพันธ์กับประชาชน หน้าที่นี้หุ่นยนต์จึงไม่สามารถเข้ามาแทนได้
4. งานด้านทรัพยากรบุคคล
ตำแหน่ง HR เป็นตำแหน่งที่ไม่เพียงคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมเข้าทำงาน หากแต่ยังต้องรับฟังปัญหาต่าง ๆ ของพนักงานในองค์กรด้วย บางบริษัทโต๊ะทำงานของ HR เปรียบได้กับที่พักใจให้พนักงานหลายๆ คนเข้ามาระบายความอึดอัดกันเลยทีเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่หุ่นยนต์ทำไม่ได้
จะสังเกตได้ว่า งานที่หุ่นยนต์ไม่สามารถแย่งมนุษย์ไปทำได้นั้น ส่วนใหญ่เป็นงานที่อาศัยความมีน้ำใจ การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และการดูแลผู้อื่นเป็นสำคัญ ซึ่งแท้จริงแล้ว นี่อาจเป็นจุดแข็งของมนุษย์ที่หุ่นยนต์ไม่สามารถเข้าใจและทำแทนได้
ที่มา : https://willrobotstakemyjob.com/