ข่าวสั้น ทันเศรษฐกิจ 21 ธ.ค. 256O
“เนชั่น” เทขายทรัพย์สิน 1,400 ล้าน
เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป (NMG) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้ขายทรัพย์สินมูลค่ารวม 1,403.60 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินลงทุนในมหาวิทยาลัยเนชั่น,ทีวีดิจิตอล NOW 26,ธุรกิจและบริการด้านการพิมพ์,ธุรกิจด้านการบริหารขนส่ง และที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง
เพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจของกลุ่มบริษัท โดยมีวัตถุประสงค์รับมือผลกระทบที่เกิดขึ้นกับภาวะปัจจุบันของอุตสาหกรรมสื่อสิ่งพิมพ์ และเพื่อรับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภาวะปัจจุบันของอุตสาหกรรมสื่อสิ่งพิมพ์ และธุรกิจสื่อ
“บิทคอยน์” ร่วง 10%!!
ราคา “บิทคอยน์” ร่วงลงมามากกว่า 10% แตะระดับต่ำสุดในรอบสัปดาห์ ที่ 15,800 ล้านดอลลาร์ เมื่อวานนี้ (20 ธ.ค.) หรือ มูลค่าลดลงมาเกือบ 1 ใน 5 ของราคาที่พุ่งทำสถิติสูงสุดเมื่อ 3 วันก่อน และเกิดขึ้นหลังจากหลายประเทศพากันออกมาเตือนนักลงทุนอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน ก.ล.ต. สหรัฐ ออกประกาศระงับการซื้อขายหุ้นบริษัทคริปโค คัมพานี ที่เกี่ยวข้องกับบิทคอยน์ คำสั่งดังกล่าวมีผลไปจนถึงวันที่ 4 ม.ค.ปีหน้านั้น
ขณะนี้ราคาหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเงินดิจิทัล ตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือน ก.ย. – วันจันทร์ที่ผ่านมา (18 ธ.ค.) พุ่งขึ้นมาร่วม 1,700% จากราคาหุ้นละ 3.30 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 575 ดอลลาร์
แฉใช้บิตคอยน์เรียกค่าไถ่
เทรนด์ไมโคร เปิดเผยว่า ปัญหาภัยคุกคามแรนซัมแวร์ในปีที่ผ่านมาที่โต 750% แบบปีต่อปี คาดว่าปีหน้ายังคงโตต่อเนื่องเท่าเดิมแต่รูปแบบจะเปลี่ยนไป โดยแฮ็กเกอร์เลือกใช้บิตคอยน์มาเป็นรูปแบบการจ่ายเงินค่าไถ่ เพราะตรวจสอบตัวตนไม่ได้ ทำให้องค์กรต้องเตรียมพร้อมรับมือมากขึ้น
ด้าน เดอริค แมนคี นักกลยุทธ์ความปลอดภัยเครือข่าย กล่าวว่า อาชญากรรมไซเบอร์จะใช้ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีเอไอและการทำงานแบบออโตเมชั่น วิธีโจมตีมี 5 ด้าน ได้แก่ 1.ภัยจากการติดตั้ง บอตเน็ตและฝูงแมลงเรียนรู้ได้ด้วยตนเองและฉลาดขึ้น 2.ภัยคุกคามแรนซัมแวร์ เป้าการโจมตีคือผู้ให้บริการระบบคลาวด์ และบริการเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่
ขณะที่ 3.เกิดเน็กซ์เจนมอร์ดิกมัลแวร์ที่ทำงานได้หลายรูปแบบ อาทิการใช้เอไอสร้างโค้ดที่มีความซับซ้อน 4.โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญมีความเสี่ยงสูง และ 5.ดาร์กเว็บ ขายบริการคุกคามที่ทำงานแบบอัตโนมัติใหม่ๆ
กนง. มีมติคงดอก 1.5%-ปรับจีดีพีโต 3.9%
คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) มีมติ เอกฉันท์ ให้คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% พร้อมทั้งปรับคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปีนี้และปีหน้าเพิ่มเป็น 3.9% จากเดิม 3.8% ซึ่งเป็นผลจากการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวเกินคาด
โดยเป็นผลจากการส่งออกสินค้าและท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่เข้มแข็งมากขึ้น จึงปรับการเติบโตของภาคส่งออกปีนี้โต 9.3% และปีหน้าโต 4% จากเดิมอยู่ที่ 8% และ 3.2%
ส่วนสถานการณ์หนี้ครัวเรือนแม้จะดีขึ้นอยู่ในระดับ 78% ต่อจีดีพี แต่ก็ยังอยู่ในระดับสูง เป็นตัวดึงการบริโภคภาคเอกชน ด้าน เงินเฟ้อปีหน้าคาดอยู่ที่ 1.1% จากคาดการณ์เดิม 1.2%
“บีทีเอส” ไม่ขึ้นค่าโดยสาร-“แอร์ลิงค์” จ่อเปิด 05.30น.
บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส ยืนยันว่าบริษัทไม่มีแผนปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร ซึ่งเรื่องการปรับขึ้นราคาค่าโดยสารมีข้อกำหนดและกฎกติกาควบคุมไว้ตามเงื่อนไขสัญญาที่ทำไว้กับรัฐอยู่แล้ว
ส่วนการจัดทำตั๋วร่วมของรัฐบาลไม่มีผลกับการปรับขึ้นค่าโดยสารบีทีเอสเพราะเป็นเรื่องอนาคตที่รัฐบาลจะพิจารณาร่วมกับเอกชนผู้ให้บริการทุกราย
ด้าน รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด (รฟฟท.) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ จ่อขยายเวลาการเปิดเที่ยวแรกในเวลา 05.30 น.รองรับผู้ใช้บริการได้เพิ่มขึ้นได้อีกวันละ 2,100 คน และได้เร่งรัดให้จัดซื้อรถไฟฟ้า 7 ขบวน รวม 28 ตู้ วงเงิน 4,400 ล้านบาท
ที่มา: โพสท์ทูเดย์, กรุงเทพธุรกิจ, ไทยรัฐฯ
ภาพ: thansettakij