เคล็ด (ไม่) ลับจัดพอร์ตกองทุน สไตล์ระมัดระวัง
แม้จะเป็นการลงทุนในกองทุนรวม ซึ่งเป็นการนำเงินเราไปฝากให้มืออาชีพบริหาร แต่ก็ต้องจัดพอร์ตให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่เรารับได้ ซึ่งก็จะแปรผันไปตามอายุ และประสบการณ์การลงทุนของเรานั่นเอง
การจัดพอร์ตกองทุนรวม หลักๆ มี 3 รูปแบบ คือ
- การจัดพอร์ตลงทุนแบบระมัดระวัง (Conservative)
- การจัดพอร์ตลงทุนแบบกลางๆ (Moderate)
- การจัดพอร์ตลงทุนแบบเชิงรุก (Aggressive)
ซึ่งแต่ละแบบจะมีความแตกต่างกันหลายๆ แง่มุม ในวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับแบบแรก คือ การจัดพอร์ตลงทุนแบบระมัดระวัง (Conservative) ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ มีอายุประมาณ 50 ปี หรือผู้ที่ไม่เคยลงทุนมาก่อน (ฝากแบงก์อย่างเดียว) แต่กำลังสนใจลงทุนผ่านกองทุนรวม
หากเป็นแบบนี้ควรจัดพอร์ตกองทุนแบบระมัดระวัง เพราะพอร์ตนี้จะมุ่งเน้นรักษาเงินต้นไม่ให้สูญหาย เพราะถ้าไปลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงสูง หากผิดพลาดอาจจะทำให้เงินลงทุนที่จะเก็บไว้ใช้หลังเกษียณหดหายไป
พอร์ตกองทุนรวมแบบระมัดระวัง จะเน้นลงทุนตราสารหนี้ประมาณ 70% ของพอร์ตลงทุนโดยรวม ซึ่งหากลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ในประเทศไทย จะมีโอกาสสูญเสียเงินต้นน้อยมาก เพราะกองทุนรวมดังกล่าวส่วนใหญ่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล
สำหรับเทคนิคการจัดพอร์ตตราสารหนี้ “กิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ” นักวิเคราะห์ข้อมูลอาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำให้นักลงทุนสำรวจดูว่าในแต่ละปีตัวเองเสียภาษีมากน้อยเท่าไร เมื่อได้ตัวเลขก็ให้เน้นลงทุนกองทุนรวม RMF ให้เต็มที่ก่อน เพราะนอกจากจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนก็ยังได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย ถัดจากนั้นเงินลงทุนที่เหลือนำไปลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ทั่วๆ ไปได้
แต่การลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนย่อมอยู่ในระดับต่ำด้วย คือประมาณ 2 – 3% ต่อปี ดังนั้น พอร์ตลงทุนที่เต็มไปด้วยตราสารหนี้ทั้งหมด ผลตอบแทนอาจจะแพ้เงินเฟ้อ นั่นหมายความว่า มูลค่าเงินลงทุนในอนาคตจะลดต่ำลง
ดังนั้น จึงควรแบ่งเงินลงทุนอีก 30% ของพอร์ตกองทุนรวมแบบระมัดระวัง ไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น เพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับพอร์ตลงทุนให้สูงขึ้น เช่น กองทุนหุ้น กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 8– 10% ต่อปี แต่ก็ต้องพิจารณาจุดเด่น จุดด้อยของการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมด้วย
เมื่อจัดพอร์ตได้ตามที่ต้องการแล้ว ควรเน้นการลงทุนในระยะยาว เพราะการลงทุนแบบระยะสั้นๆ หรือซื้อมาขายไป อาจจะทำให้ผลตอบแทนของพอร์ตลงทุนผันผวนหรือขาดทุนได้
แต่ให้คอยตรวจสอบสุขภาพพอร์ตลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เช่น ทุกๆ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี เมื่อตรวจสอบแล้วหากพบว่ากองทุนรวมไหนที่มีผลประกอบการไม่ดีก็ต้องขายออกไป แล้วหากองทุนรวมที่มีผลประกอบดีเข้ามาแทนที่
อย่าลืมว่า พอร์ตลงทุนกองทุนรวมแบบระมัดระวัง เป็นการลงทุนเพื่อเกษียณ ดังนั้น สิ่งที่สำคัญคือ เงินลงทุนต้องมีความสม่ำเสมอและทำให้ผลตอบแทนเติบโตอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนต้องมีวินัยในการลงทุน โดยอย่าขายเงินลงทุนในพอร์ตนี้ออกไปโดยที่ไม่มีเหตุอันควร
กด Subscribe รอเลย…