×

Wealth Me Up ให้เงินทำงาน

จับจังหวะลงทุนยังงัย ให้ได้กำไร

8,088

 

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…

Facebook | Line | Youtube | Instagram

 

การเข้าซื้อหุ้นด้วยวิธีหาจังหวะเหมาะสม หรือเรียกว่า Market Timing เป็นกลยุทธ์ที่นักลงทุนทุกคนนำมาใช้ บางคนใช้เป็นประจำ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีหลายคนตกม้าตายกับการจับจังหวะลงทุน เพราะใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ หรือใช้ไม่ถูกจังหวะ ผลลัพธ์คือ ขาดทุน

 

คำถามคือ มีกลยุทธ์อะไรบ้างที่ทำให้ได้กำไรจากการจับจังหวะลงทุน?

 

การปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุน

ถ้าเชื่อว่าตลาดหุ้นจะปรับลดลงในอนาคตอันใกล้ เช่น สัปดาห์หน้า เดือนหน้า ก็ต้องลดสัดส่วนการถือหุ้นลง พูดง่ายๆ คือ ขายหุ้นเพื่อทำกำไร และถ้าเชื่อว่าข่าวร้ายได้สะท้อนอยู่ในราคาหุ้นเกือบหมดแล้ว ก็ต้องทยอยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเพิ่มขึ้น

 

เทคนิคนี้ นักลงทุนต้องใช้ข้อมูลระดับมหภาคมากขึ้น (อย่าดูแต่ข้อมูลบริษัทอย่างเดียว) เช่น ดูข้อมูลทางเศรษฐกิจเพื่อหาอุตสาหกรรมหรือธุรกิจที่จะเติบโตสูงกว่าภาพรวมทางเศรษฐกิจ เพื่อมองหาจังหวะการซื้อหุ้นซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มดี โดยเฉพาะหุ้นที่ราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน

 

การปรับเปลี่ยนสไตล์การลงทุน

ตลาดหุ้นแต่ละช่วงจะใช้กลยุทธ์การลงทุนแตกต่างกัน เช่น หุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูงจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการใช้กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นคุณค่า ในช่วงที่อัตราการเติบโตของกำไรโดยถัวเฉลี่ยของตลาดต่ำ

 

ตรงกันข้ามหุ้นคุณค่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูงในช่วงที่อัตราการเติบโตของกำไรโดยถัวเฉลี่ยของตลาดสูง หรือซื้อหุ้นขนาดเล็กที่มีอัตราการเติบโตระดับสูง จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าหุ้นคุณค่าในช่วงอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง

 

หากเชื่อว่าตลาดโดยรวมแพงกว่าที่ควรจะเป็นและกำลังจะปรับตัวลดลง ควรเปลี่ยนสไตล์การลงทุน ด้วยการขายหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูง (P/E Ratio สูง) แล้วซื้อหุ้นคุณค่า (P/E Ratio ต่ำ) หรือหากเชื่อว่าตลาดกำลังจะปรับตัวขึ้นก็ซื้อหุ้น P/E Ratio สูง แล้วขายหุ้นคุณค่าเพื่อทำกำไร

 

ซื้อหุ้นตามขนาด

เทคนิคการจับจังหวะลงทุนแบบนี้ คือ ปรับเปลี่ยนสไลต์การลงทุนด้วยการเลือกซื้อหุ้นตามขนาด แต่ต้องดูข้อมูลและขึ้นอยู่กับการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในขณะนั้น เพราะบริษัทที่มีขนาดต่างๆ กันจะมีความสามารถทนแรงเสียดทานต่อภาวะเศรษฐกิจโดยเฉพาะในช่วงขาลง ความผันผวนและการเปลี่ยนแปลงของยอดขาย กำไรในแต่ละช่วงของวัฏจักรเศรษฐกิจ

 

ถ้าเป็นหุ้นขนาดใหญ่มักประกอบธุรกิจหลักหลายด้าน จึงกระจายความเสี่ยงอยู่ในตัวเอง ซึ่งช่วยให้มียอดขายและผลกำไรที่ค่อนข้างไม่ผันผวน ดังนั้นการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่มักให้ผลตอบแทนสูงกว่าหุ้นขนาดกลางและเล็กในช่วงเศรษฐกิจขาลง เพราะมีผลประกอบการไม่ผันผวน มีความแข็งแกร่งทางการเงินและสามารถประคับประคองตัวเองในช่วงมรสุมทางเศรษฐกิจ

 

ถ้าเป็นหุ้นขนาดกลางและเล็กมักจะมีสินค้าและบริการไม่หลากหลาย จึงไม่มีการกระจายความเสี่ยงมากนัก โดยมักจะมีผลการดำเนินงานที่ดีในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น และผลการดำเนินงานอาจจะย่ำแย่ในช่วงเศรษฐกิจเป็นขาลง

 

การสับเปลี่ยนกลุ่มการลงทุน (Sector Rotation)

บางครั้งนักลงทุนอาจเชื่อว่าตลาดจะปรับตัวลดลงแต่ไม่กล้าขายหุ้นทั้งหมด เพราะไม่มั่นใจว่าตลาดจะปรับตัวลงจริงๆ ดังนั้น การสับเปลี่ยนการลงทุนกลุ่มอุตสาหกรรมเป็นทางออก

 

วิธีการ คือ ใช้การคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในอนาคตเป็นตัวกำหนด เช่น หากเชื่อว่าเศรษฐกิจจะเติบโตสูงกว่าระดับที่คาดการณ์ และทำให้ตลาดหุ้นปรับขึ้นได้อาจเพิ่มน้ำหนักในหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง

 

หรือหากเชื่อว่า ธปท.จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาจไปลงทุนในหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยน้อยที่สุด เช่น กลุ่มอาหาร กลุ่มสินค้าอุปโภค บริโภค

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่า การที่นักลงทุนไม่ประสบความสำเร็จหรือถึงขั้นขาดทุนจากการลงทุนหุ้น ส่วนหนึ่งเพราะวางกลยุทธ์ไม่ถูกจังหวะ เช่น เวลาบุกกลับถอย พอถึงเวลาขายกลับซื้อ เป็นต้น แต่ถ้านักลงทุนวางกลยุทธ์และจับจังหวะดีๆ รับรองมีกำไรกลับบ้านแน่นอน

 

#WealthMeUp

Related Stories

amazon anti fatigue mats