ด. เดิน
ภาพที่เราคุ้นตาของการเสด็จฯ เยี่ยมเยียนราษฎร คือภาพในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงพระดำเนินนำหน้าข้าราชการ ข้าราชบริพาร ไปด้วยฝีเท้าอันรวดเร็วและแคล่วคล่อง ไม่ว่าเส้นทางนั้นจะแคบเป็นเพียงคันดิน ทางดินลื่น หรือขึ้นเขาลงเนิน พระองค์ก็จะก้าวพระบาทไปอย่างมั่นคง ไม่แสดงออกถึงความเหนื่อยล้าหรือละล้าละลัง ข้าราชบริพารหลายคนมักเล่าว่าบางครั้ง หลังจากที่ทุกคนเดินกันจนเหนื่อยล้า ต้องนั่งหอบแฮกๆ หรือถึงขั้นหูอื้อตาลาย แต่พระองค์กลับทรงยืนกางแผนที่พร้อมทรงงาน
มีผู้รับใช้ใกล้เบื้องพระยุคลบาทเคยกราบบังคมทูลถามว่าเหตุใดพระองค์จึงต้องทรงพระดำเนินเร็ว พระองค์รับสั่งตอบว่า
“ที่เราต้องเดินเร็ว ต้องไปเร็ว เพราะว่า ความทุกข์ยากของประชาชนไม่เคยรอใคร”
เดินตามรอยเท้าพ่อ
ฉันเดินตามรอยเท้าอันรวดเร็วของพ่อโดยไม่หยุด
ผ่านเข้าไปในป่าใหญ่ น่ากลัว ทึบ
แผ่ไปโดยไม่มีที่สิ้นสุด มืดและกว้าง
มีต้นไม้ใหญ่ใหญ่เหมือนหอคอยที่เข้มแข็ง
พ่อจ๋า…ลูกหิวจะตายอยู่แล้ว และเหนื่อยด้วย
ดูซิจ๊ะ…เลือดไหลออกมาจากเท้าทั้งสองที่บาดเจ็บของลูก
ลูกกลัวงู เสือ และหมาป่า
พ่อจ๋า…เราจะถึงจุดหมายปลายทางไหม?
ลูกเอ๋ย…ในโลกนี้ไม่มีที่ไหนดอกที่มีแต่ความรื่นรมย์
และความสบายสำหรับเจ้า
ทางของเรามิได้ปูด้วยดอกไม้สวยสวย
จงไปเถิด แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่บีบคั้นหัวใจเจ้า
พ่อเห็นแล้วว่า หนามตำเนื้ออ่อนอ่อนของเจ้า
เลือดของเจ้าเปรียบดั่งทับทิมบนใบหญ้าใกล้นํ้า
นํ้าตาของเจ้าที่ไหลต้องพุ่มไม้สีเขียว
เปรียบดั่งเพชรบนมรกตที่แสดงความงามเต็มที่
เพื่อมนุษยชาติ จงอย่าละความกล้า
เมื่อเผชิญกับความทุกข์ ให้อดทนและสุขุม
และจงมีความสุขที่ได้ยึดอุดมการณ์ที่มีค่า
ไปเถิด…ถ้าเจ้าต้องการเดินตามรอยเท้าพ่อ
สมเด็จพระเทพฯ ทรงพระราชนิพนธ์บทกวี “เดินตามรอยเท้าพ่อ” เป็นภาษาฝรั่งเศสไว้เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๙ และทรงแปลเป็นภาษาไทย
ที่มา : หนังสือ ตามรอยพ่อ ก-ฮ ธ สถิตในดวงใจนิรันดร์