เตรียมเฮ! บริการใหม่จากแบงก์
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้ภาคธนาคารต้องปรับตัวเดินหน้าเป็นตัวกลางทางการเงินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่สำคัญหลายอย่าง และในอนาคตอันใกล้ คนไทยก็จะได้ใช้บริการทางการเงินใหม่ๆ ที่เพิ่มความคล่องตัวในการทำธุรกรรมต่างๆ มากขึ้นอีก
นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ภายใน 2 ปีข้างหน้า คนไทยจะได้รับบริการทางการเงินใหม่ๆ จากธนาคารของไทยเพิ่มจากปัจจุบัน อาทิ บริการคิวอาร์ โค้ด มาตรฐานไทยในประเทศ CLMV+3 ที่จะทำให้ผู้ชำระเงินที่มีแอป โมบาย แบงกิ้ง ของธนาคารไทยทุกธนาคารสามารถสแกนชำระเงินนอกประเทศไทย บริการร้านค้าสแกนคิวอาร์โค้ด ของลูกค้าชำระเงิน (B Scan C) ที่จะช่วยให้การชำระเงินสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ส่งผลให้ยอดธุรกรรมในปีต่อไปเติบโตแบบก้าวกระโดด การนำเทคโนโลยีบล็อกเชนไปต่อยอดสู่บริการรับรองเอกสารทางการศึกษา (E-Transcript) ที่จะช่วยสร้างความมั่นใจ เพิ่มความสะดวกแก่นักศึกษาจบใหม่และคนที่กำลังหางาน รวมถึงองค์กรที่กำลังรับพนักงาน
ขณะเดียวกัน ยังมีบริการอื่นๆ ที่จะเพิ่มความสะดวกแก่คนไทย เช่น โครงการ Thailand Blockchain Community Initiative เริ่มให้บริการด้านหนังสือค้ำประกัน (Letter of Guarantee) ซึ่งตอนนี้มีสถาบันการเงินทั้งไทยและต่างประเทศ 22 ธนาคาร กลุ่มภาคธุรกิจและรัฐวิสาหกิจ 7 กลุ่มเข้าร่วม คาดว่าปีนี้จะมียอดธุรกรรมประมาณ 40,000 ราย และจะมีหน่วยงานต่างๆ ร่วมโครงการเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ยอดธุรกรรมในปีต่อไปเติบโตแบบก้าวกระโดด
โครงการ National Digital ID (NDID) ที่ลูกค้าสามารถยืนยันตัวตนผ่านระบบออนไลน์ ช่วยให้เปิดบัญชีผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่ต้องไปแสดงตนที่สาขา การขอสินเชื่อและการเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ทางออนไลน์ และโครงการเอทีเอ็มสีขาว (White-Label ATMs) ที่จะช่วยให้ธนาคารบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ภาคธนาคารได้มีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าหลายบริการ เช่น โครงการพร้อมเพย์ที่ตอนนี้มีผู้ลงทะเบียนแล้ว 46.5 ล้านไอดี มีปริมาณธุรกรรม 4.5 ล้านรายการต่อวัน การสร้างมาตรฐานคิวอาร์ โค้ด ที่ตอนนี้มีร้านค้าใช้งานแล้ว 3 ล้านราย การสนับสนุนการชำระเงินด้วยบัตรเดบิตแทนเงินสด โดยปัจจุบันมีผู้ถือบัตรเดบิตรวม 59 ล้านใบ มีเครื่องรูดบัตร (EDC) รวม 700,000 เครื่อง การขยายศักยภาพ ITMX ระบบกลางที่รองรับธุรกรรมข้ามธนาคารให้เป็น 1,000 รายการต่อวินาที และจะเพิ่มความสามารถของระบบแต่ละธนาคารเป็น 2 เท่าภายในปีนี้
ในส่วนของธุรกิจของธนาคารนั้น กสิกรไทยตั้งเป้าเป็นธุรกิจแบงก์ยุคใหม่ที่จะเติบโตแข็งแกร่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจะเพิ่มศักยภาพการวิเคราะห์ข้อมูล แปลงข้อมูลทั่วไปมาเป็นข้อมูลเชิงลึก เพื่อให้รู้ใจลูกค้ามากขึ้น โดยตั้งเป้าใช้ดาต้าช่วยปล่อยกู้ปีนี้ 30,000 ล้านบาท สินเชื่อรายย่อยเติบโต 9-12% และรายได้ธุรกิจในต่างประเทศโตกว่า 8 เท่าในช่วง 3 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ได้ตั้งเป้าหมายพัฒนาองค์กรไปสู่การเป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเปลี่ยนแกนเทคโนโนโลยีของโลกมายังประเทศไทยภายในปี 2565 โดยเริ่มจากทุ่มงบประมาณลงทุนด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และบุคลากร ในปีนี้กว่า 5,000 ล้านบาท