ซื้อรถทั้งที ป้ายแดงหรือมือสองดี?
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
การเปรียบเทียบข้อมูลในการซื้อรถใหม่และรถมือสองมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา หากใครที่กำลังพิจารณาทางเลือกนี้อยู่ อย่างน้อยอยากให้คิดถึงปัจจัยต่างๆ ดังนี้
สภาพรถระหว่างใช้งาน
ข้อดีหนึ่งของรถใหม่คือมีโอกาสน้อยที่รถเสียระหว่างการใช้งาน โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนหรือช่วงเดินทางไกล แต่สำหรับคนที่มีขับรถมานานและรู้จักวิธีการดูแลรักษารถ หรือซื้อจากผู้ขายที่มีมาตรฐานการตรวจสภาพรถที่น่าเชื่อถือ ปัจจัยนี้อาจไม่ใช่ข้อจำกัดที่น่ากังวลนัก
ประกันภัยรถยนต์
รถใหม่สามารถเลือกทำประกันภัยรถยนต์ได้แทบทุกประเภทอย่างประกันภัยชั้น 1 ที่คุ้มครองหลายด้าน เช่น ความเสียหายต่อตัวรถและค่ารักษาพยาบาลผู้ขับขี่และบุคคลอื่น
แต่กรณีรถมือสองนั้นมีข้อจำกัดในการเลือกทำประกันภัย เช่น รถที่มีอายุเกิน 10 ปี มักไม่สามารถทำประกันภัยชั้น 1 ได้ แต่เลือกทำประกันภัยชั้น 3+ ได้ ซึ่งความคุ้มครองครอบคลุมน้อยลง เช่น คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเฉพาะบุคคลอื่น ไม่คุ้มครองผู้ขับขี่รถคันที่ทำประกัน และไม่คุ้มครองผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ขับขี่ เช่น พ่อ แม่ ลูก และคู่สมรส
ดอกเบี้ย
ของรถมือสองมักสูงกว่ารถใหม่ ทำให้รถที่มีราคาและระยะเวลาผ่อนใกล้เคียงกัน ค่าผ่อนรถมือสองสูงกว่ารถใหม่ เช่น วงเงินสินเชื่อ 500,000 บาท ผ่อน 60 เดือน รถใหม่ที่มีอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ประมาณ 2–6%ต่อปี ต้องผ่อนเดือนละ 9,100–11,000 บาท
ส่วนรถยนต์มือสองที่มีอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ประมาณ 3-9%ต่อปี ต้องผ่อนเดือนละ 9,500-12,000 บาท ทำให้รถมือสองมีค่าผ่อนรวมสูงกว่ารถใหม่ประมาณ 4-10%
ค่าใช้จ่ายระหว่างใช้งาน
ของรถมือสองมักสูงกว่ารถใหม่ เช่น ค่าซ่อมแซม ค่าเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นตามอายุการใช้งาน แม้ว่าค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งเป็นจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับราคารถ แต่หากลองรวมค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งาน เช่น 5 ปีแล้วคงเป็นจำนวนที่ต้องคิดไม่น้อยเลย
ราคาซื้อขาย
ของรถมือสองมักต่ำกว่ารถใหม่ ส่วนต่ำกว่าแค่ไหนก็ขึ้นกับอายุรถและการใช้งานที่ผ่านมา สำหรับรถมือสองที่ใช้งานไม่นาน แม้ราคาอาจต่ำกว่ารถใหม่รุ่นเดียวกันถึงประมาณ 20% แต่ก่อนตัดสินใจควรเช็กข้อมูลให้ดีก่อน เช่น ราคาที่ผู้ขายแจ้งนั้นรวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าใช้จ่ายการโอนหรือยัง
หลังจากพิจารณาปัจจัยต่างๆ เทียบกับราคารถแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ควรพิจารณาคือความจำเป็นในการซื้อรถครั้งนี้ เพราะนอกจากการชำระราคาหรือค่าผ่อนรถแล้ว ค่าใช้จ่ายระหว่างการใช้รถ เช่น ค่าที่จอดรถ ค่าทางด่วน ค่าต่อภาษีทะเบียนรถ ฯลฯ ก็เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาว่าคุ้มค่าหรือพร้อมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเหล่านี้หรือไม่