อยากออมใจจะขาด แต่ขาดเงินจะออม?
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
ในแต่ละวันเราอาจเสียเงินไปกับความอยากส่วนเกินที่ไม่จำเป็นทั้งเรื่องกินเรื่องช้อปไปหลายตังค์ ตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักร้อย โดยเฉพาะวิถีมนุษย์ออฟฟิศ ทานข้าวกลางวันเสร็จก็ต้องเดินย่อยอาหารด้วยละลายทรัพย์ในกระเป๋าตามตลาดนัดต่อ ของมันต้องมี ของมันต้องกิน กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็พะรุงพะรังเต็มไม้เต็มมือไปหมด
เงินหายไปไหน ?
เฉลี่ยขั้นต่ำเราต้องควักกระเป๋าจ่ายไปกับความอยากส่วนเกิน ไม่ว่าจะเป็นขนมขบเคี้ยว ชา กาแฟ หรือกิ๊ฟช้อป ตกราวๆ วันละ 50 บาท 1 เดือนเท่ากับ 1,500 บาท 1 ปีก็ปาไป 18,000 บาท หรือมากขึ้นมาหน่อยก็จะเฉลี่ยวันละ 100 บาท 1 เดือนเท่ากับ 3,000 บาท 1 ปีคิดเป็นเงิน 36,000 บาท ลองทบทวนให้ดีความอยากส่วนเกินเหล่านี้หรือเปล่าที่เราใช้เป็นข้ออ้างว่าอยากจะออมเงินใจจะขาดแต่มันไม่เหลือเงินสักบาทจะให้ออมเลย ? อย่ามองข้ามเงินที่เราจ่ายออกไปเล็กๆ น้อยๆ เพราะถ้าเราปลี่ยนเอาเงินก้อนนี้ไปลงทุนที่ได้ผลตอบแทนดีอย่างสม่ำเสมอ เราก็จะเห็นมันงอกเงยเป็นเงินแสนเงินล้านได้
หาทาง “ตัดความอยาก”
หลายคนเห็นด้วยถ้าลด ละ เลิก จ่ายเงินไปกับความอยากส่วนเกินนี้ได้ก็น่าจะมีเงินเก็บหลายตังค์ แต่ก็ทำไม่ได้สักทีและดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากอยู่พอสมควรเพราะเป็นแบบนี้ จ่ายแบบนี้มานานหลายปีแล้ว ถ้าจะให้ทำก็ไม่ต่างอะไรกับการหักดิบ…นี่ก็เป็นข้ออ้างอีกเหมือนกันคิดแบบนี้อย่าพูดถึงเรื่องมีเงินล้านเลย แม้แต่เงินแสนก็ยากที่จะได้เห็น เชื่อมั๊ยว่าไม่มีอะไรยากไปเกินกว่าความพยายามและความตั้งใจจริงของเรา แต่ที่สำคัญต้องเห็นว่ามันสำคัญจริง งั้นลองบอกตัวเองว่า
- คิดก่อนควัก คิดในที่นี้คือให้คิดถึงภาพอนาคตของเราไว้ ถ้าเราอดออมในวันนี้ไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเราจะสบายในวันหน้า แก่ไปไม่จน
- หยุดตามใจปากถ้าไม่อยากจน หักห้ามใจในการซื้อเครื่องดื่ม ชา กาแฟ น้ำหวาน ขนมขบเคี้ยวจุกจิก ที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
- อย่าพกเงินสดเยอะ ยิ่งมีเยอะก็ยิ่งควักง่าย จ่ายคล่อง สุดท้ายเงินละลายหายวับไปกับตา
ถ้าเราตัดความอยากส่วนเกินเหล่านี้ได้แล้ว คิดเฉลี่ยขั้นต่ำวันละ 50 บาท เมื่อเอาเงินมากองรวมกันเดือนหนึ่งเราก็เหลือเงินเก็บถึง 1,500 บาทเลยทีเดียว จริงๆ แล้วเงินก้อนนี้เอาไปทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง เช่น นำไปจ่ายหนี้บัตรเครดิตที่ค้างอยู่ โปะบ้านเพื่อลดเงินต้น ลดดอกเบี้ย เก็บไว้เที่ยวเมืองนอกเพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆก็ได้ แต่ถ้าจะให้ดีควรนำเงินก้อนนี้ไปทำให้มันเกิดดอกออกผลจะดีกว่า ซึ่งตอนนี้มีรูปแบบการลงทุนให้เลือกหลากหลาย ถ้าเราเลือกการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีอย่างสม่ำเสมอ เงินก้อนนี้ของเราก็จะโตวันโตคืน จากหลักพัน กลายเป็นแสนแรกและล้านแรกได้
นี่เป็นเพียงการยกตัวอย่างปั้นเงินล้านจากความอยากส่วนเกินที่หลายคนมองว่ามันเล็กๆ น้อยๆ ไปเก็บออมต่อยอดลงทุน ยังไม่ได้รวมถึงความอยากส่วนเกินที่ทำให้เราถึงขั้นก่อหนี้ เช่น ซื้อโทรศัพท์ใหม่ทั้งที่เครื่องเก่ายังใช้งานได้อยู่ หรือ เปลี่ยนกระเป๋าถือใบใหม่ แล้วถ้าเราตัดความอยากส่วนเกินนี้ได้มากเท่าไหร่ ชีวิตเราก็ไปสู่อิสรภาพทางการเงินได้เร็วนั่นเอง
ลองเช็คดูว่าในแต่ละเดือนเราต้องควักกระเป๋าไปกับความอยากส่วนเกินที่ไม่จำเป็นเหล่านี้มากเท่าไหร่ ? สุดท้ายสิ่งที่เราเคยคิดว่า “อยากออมใจจะขาด แต่ขาดเงินจะออม” เป็นเพียงแค่ข้ออ้างเท่านั้น