เทคนิคขอเครดิตภาษีเงินปันผล
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
ในช่วงต้นปีจนถึงมีนาคมทุกปี เป็นช่วงยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เมื่อถึงช่วงนี้ทีไร เราก็ต้องวุ่นวายในการจัดเตรียมข้อมูลเงินได้เพื่อยื่นภาษีเงินได้ เช่น เงินเดือน โบนัส ฯลฯ ซึ่งไม่ค่อยมีปัญหา เพราะยังไงก็ต้องเสีย
แต่มีเงินได้บางตัวพวกที่เป็นภาษีสุดท้าย (final tax) ที่เราถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายแล้ว มีสิทธิเลือกจะเอามารวมคำนวณเป็นเงินได้ปลายปีหรือไม่ก็ได้แล้วแต่เรา เงินได้ประเภทนี้ เช่น ดอกเบี้ยเงินฝาก เงินปันผลหุ้น เงินปันผลกองทุนรวม เป็นต้น
ปีที่ผ่านมา หุ้นขึ้นกระจาย หลายคนที่ลงทุนนอกจากได้กำไรแล้ว ยังได้เงินปันผลจากหุ้นด้วย เงินปันผลจากหุ้น นอกจากเราสามารถเลือกเอารวมเป็นเงินได้ปลายปีเพื่อคำนวณภาษีแล้ว ยังมีสิทธิในการเครดิตภาษีเงินปันผลที่จะช่วยให้เรามีเงินได้จากภาษีได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย
เครดิตภาษีเงินปันผลคืออะไร?
เครดิตภาษีเงินปันผล คืออีกสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้นที่สามารถขอคืนภาษีจากกรมสรรพากรตามมาตรา 47 ทวิ แห่งประมวล รัษฎากร ทั้งนี้เพื่อขจัดความซ้าซ้อนในการจัดเก็บภาษีเงินได้ เพราะธรรมดาบริษัทต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตรา 20% ก่อนผู้ถือหุ้นบริษัทจะได้รับผลตอบแทนจากบริษัทในรูปเงินปันผล ซึ่งต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10% สรุปเจ้าของบริษัทเสียภาษีจริงๆ 28%
จะเห็นว่าเงินได้ก้อนเดียว (กำไรนิติบุคคล) แต่คนที่เป็นเจ้าของธุรกิจต้องเสียภาษี 2 ครั้ง คือ ภาษีเงินได้นิติบุคคล และ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ของเงินปันผล เป็นการเสียภาษีซ้ำซ้อน ไม่เป็นธรรมต่อผู้เสียภาษี
เครดิตภาษีเงินปันผลจึงเป็นการแก้ปัญหาภาษีซ้ำซ้อน โดยการให้เราเอาภาษีเงินได้นิติบุคคลที่เสียสำหรับจำนวนเงินปันผลที่ได้รับรวมเป็นเงินได้ในมาตรา 40(4) และให้เอาจำนวนเดียวกันหักออกเป็นภาษีเงินได้ที่ได้ชำระแล้ว
แต่เราควรจะขอเครดิตภาษีเงินปันผลหรือไม่? ก็ขึ้นอยู่กับว่า เมื่อรวมเครดิตภาษีเงินปันผลแล้ว ฐานภาษีสูงสุดของเราต่ำกว่าอัตราภาษีเงินได้ของบริษัทจดทะเบียนที่จ่ายเงินปันผลให้หรือไม่ ถ้าต่ำกว่า ก็ควรขอเครดิตภาษีเงินปันผล ถ้าสูงกว่า ก็อย่าขอเครดิตภาษีเงินปันผล เพราะจะทำให้เราต้องเสียภาษีเพิ่ม
ข้อควรระวังของการขอเครดิตภาษีเงินปันผล ก็คือ ถ้าขอต้องขอหมด ไม่ขอก็ไม่ขอเลย จะเลือกขอเฉพาะเงินปันผลของบางบริษัทไม่ได้ หรือจะเลือกขอเครดิตภาษีเงินปันผลเฉพาะเงินปันผลบางงวดก็ไม่ได้ และต้องเอามูลค่าปันผลจากทั้งเงินปันผล (cash dividend) และมูลค่าของหุ้นปันผล (equity stock dividend) สำหรับในกรณีที่บริษัทมีการจ่ายปันผลเป็นหุ้นด้วย โดยเราต้องนำมูลค่าปันผลที่ได้รับทั้งหมดมารวมคำนวณเพื่อเครดิตภาษีในปีภาษีนั้น
แต่เนื่องจากแต่ละบริษัทจดทะเบียนจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราที่ต่างกัน หรือ บางกรณีบริษัทเดียวกัน แต่กำไรแต่ละยอดก็เสียภาษีในอัตราที่ต่างกัน ดังนั้นขอแนะนำสำหรับคนที่ต้องการเครดิตภาษีเงินปันผล ให้ลองกรอกข้อมูลในแบบ ภงด. 90 ก่อน แล้วเทียบระหว่างขอเครดิตภาษีเงินปันผล กับไม่ขอ อันไหนเสียภาษีน้อยกว่า เลือกอันนั้น