3 สไตล์การลงทุน คุณเป็นแบบไหน?
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
นักลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental)
เป็นนักลงทุนที่มีความเชื่อว่า การซื้อหุ้นคือการซื้อกิจการ เชื่อในความเกี่ยวโยงระหว่าง ผลประกอบการ (กำไร ขาดทุน) กับราคาหุ้น เชื่อว่าผลประกอบการจะต้องสะท้อน ออกมายังราคาหุ้น (ช้าหรือเร็วเป็นอีกเรื่องหนึ่ง) โดยมักจะมองการลงทุนในระยะยาว เพราะพื้นฐานกิจการไม่สามารถสะท้อนออกมาที่ราคาหุ้นได้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน สัปดาห์ หรือแม้กระทั่งเดือน แต่การรับรู้พื้นฐานที่ดีขึ้น เช่น รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม กว่าจะ สะท้อนมาที่ราคาหุ้น บางครั้งต้องใช้เวลาเป็นปี นักลงทุนประเภทนี้จึงต้องใจเย็น อดทน รอคอยเป็น มีจิตใจที่มั่นคง ไม่หวั่นไหวกับความผันผวนระยะสั้น และมีแนวปฏิบัติดังนี้
- ศึกษาข้อมูลปัจจัยพื้นฐานของหุ้น
ทั้งปัจจัยเชิงคุณภาพ เช่น ความได้เปรียบ ในการแข่งขัน แนวโน้มความต้องการสินค้า และบริการ และความสามารถของผู้บริหาร รวมไปถึงศึกษาปัจจัยเชิงปริมาณ ได้แก่ งบการเงิน (งบกำไรขาดทุน งบดุล งบกระแสเงินสด) อัตราส่วนทางการเงิน (Profit Margin, ROE, D/E, P/E Ratio ฯลฯ) เป็นต้น
- ติดตาม ตรวจสอบ ฐานะทางการเงิน และประเมินผลการดำเนินงาน
หากพบว่าหุ้นที่ลงทุน ทำผลงานไม่เป็นไป อย่างที่คาดการณ์ไว้ รายได้ลด กำไรลด ปันผลลด … แบบนี้คือมีปัญหา ซึ่งอาจจะ เกิดจากกิจการสูญเสียส่วนแบ่งการตลาด ให้คู่แข่ง ตลาดโดยรวมหดตัว หรือมีการ เปลี่ยนแปลงผู้บริหาร
- ไม่ยึดติด หลงรักกับตัวหุ้น
เมื่อถึงจุดที่สมควรขายหุ้นก็ต้องขาย ซึ่งกฎ การขายง่ายๆ มี 3 ข้อ คือ ขายเมื่อราคาหุ้น Overvalue (แพงเกินมูลค่าที่แท้จริง) ขายเมื่อดูปัจจัยพื้นฐานของบริษัทผิดหรือปัจจัยพื้นฐานมีการเปลี่ยนแปลง (Fundamental Change) และ ขายเมื่อเจอหุ้นตัวใหม่ที่มีโอกาสเติบโตสูงกว่า นั่นคือการขายเพื่อเปลี่ยนตัวถือนั่นเอง
นักลงทุนแนวโมเมนตั้ม (Momentum Investor : MI)
เป็นนักลงทุนที่ ลงทุนตามเทรนด์ขาขึ้นของตลาด มักจะเกาะกระแสฟันด์โฟลว์ (Fund Flow) พูดง่ายๆ คือ ลงทุนตามทิศทางเงินทุนไหลเข้า โดยส่วนหนึ่งสังเกตได้ จากยอดซื้อสุทธิของต่างชาติ และอาจจะใช้ข้อมูลทางเศรษฐกิจมาช่วยในการวิเคราะห์ โดยมีแนวปฏิบัติ ดังนี้
- มองภาพ Global Economics เป็นภาพการลงทุนใหญ่ หากปัจจัยเป็นบวก ก็จะมาดูภาพของประเทศที่จะลงทุน (เช่น ประเทศไทย) หากมีทิศทางที่ดี กระแสเงินนักลงทุนต่างชาติ ไหลเข้าก็จะยิ่งมีความน่าสนใจลงทุน
- มองหาอุตสาหกรรมที่โดดเด่นในช่วงเวลานั้น หรือ Sector ที่กระแส Fundflow จะไหลเข้า
- มองหาหุ้นที่โดดเด่นในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้เลือกไว้ และวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นที่จะลงทุน
การลงทุนสไตล์ตามกระแสโมเมนตั้มนี้ ถือเป็นการลงทุนที่นักลงทุน ต้องมีความยืดหยุ่น เพราะหากการวิเคราะห์ทุกอย่าง ทำไว้อย่างดีแล้ว แต่ตลาดไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ เช่น ไม่อยู่ในภาวะตลาดขาขึ้น เพราะ Fundflow ต่างชาติกลับทางเป็นไหลออกไปเรื่อยๆ ทำให้ตลาดเสียโมเมนตั้ม นักลงทุนแบบ MI จะตัดสินใจเริ่มขาย เพราะตลาดไม่มีแรงส่ง ไร้โมเมนตั้ม ทำให้ทำกำไรได้ยาก นักลงทุนแนวโมเมนตั้ม มักจะถือคติ ไม่ถือยาว ไม่ยอมติดหุ้น จึงต้องมีจุดตัดขาดทุน (Cut Loss) ไว้ด้วย
นักลงทุนแนวเทคนิค (Technical)
เป็นนักลงทุนที่ สนใจพฤติกรรมราคาของหุ้น โดยเฉพาะกราฟราคาหุ้น (Chart) โดยจะอาศัยข้อมูลราคาหุ้นในอดีต ปริมาณการซื้อขาย พร้อมทั้งใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทาง เทคนิคและอินดิเคเตอร์ (Indicator) ต่างๆ ในการทำนายทิศทางราคาหุ้น โดยจะมีความเชื่ออยู่หลายประการ เช่นนี้
- เชื่อว่าหุ้นที่วิเคราะห์ได้ควรจะต้องมีเทรนด์ (Trend) และมีปริมาณการซื้อขาย (Volume) สนับสนุน
- เชื่อว่าราคาที่ปรากฏได้สะท้อนปัจจัยทุกอย่างทั้งหมดแล้ว (Price Discount Everything)
- เชื่อว่าประวัติศาสตร์จะย้อนรอยตัวเองเสมอ (History Tends to Repeat Itself)
- เชื่อว่าราคาหุ้นขึ้นลงเป็นรอบ
นักลงทุนแนวเทคนิคจะมีเรื่องให้คุยได้ทุกวัน เพราะราคาหุ้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การลงทุนจะเป็นไปตามสัญญาณทางเทคนิค มีการกำหนดจุดเข้าซื้อและจุดขายออกอย่างมีวินัย และยังมีปัจจัยที่สำคัญมากอีกตัวหนึ่ง นั่นคือ “จิตวิทยาการลงทุน” เรียกได้ว่าจิตใจของนักลงทุนสายเทคนิคคอลนั้นจะต้องเข้มแข็ง… เมื่อสัญญาณทางเทคนิคบอกว่าซื้อก็ต้องซื้อ บอกขายก็ต้อง ขายถึงจุดตัดขาดทุนก็ต้องทำ ถึงจุด Let Profit Run ก็ทนรวยให้ได้ สรุปคือ.. ต้องอาศัยการรักษาวินัยอย่างเคร่งครัด
สไตล์การลงทุนทั้ง 3 รูปแบบนี้ มีทั้งนักลงทุนรายย่อย และมืออาชีพที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย การเลือกสไตล์การลงทุนให้เหมาะสมกับตนเองนั้น นอกจากจะทำให้การลงทุนได้ผลตอบแทนที่ดีแล้ว ยังทำให้ลงทุนได้อย่างมีความสุข เพราะได้ลงทุนในสไตล์ที่ตนเองถนัด ดังนั้นนักลงทุนมือใหม่ ที่ยังไม่พบสไตล์การลงทุนในแบบฉบับของตนเองจึงควรหมั่นศึกษาและค้นหาสไตล์การลงทุนที่เหมาะสมกับตนเองให้เจอ