×

Wealth Me Up ให้เงินทำงาน

1O หุ้น ราคาน่าคบ ธุรกิจเติบโตได้อีก

5,620

 

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…

Facebook | Line | Youtube | Instagram

 

ถ้าพูดถึงว่าหุ้นตัวนี้ราคา “ถูก” หรือ “แพง” นักลงทุนจะใช้ P/E Ratio ในการวิเคราะห์ ถ้าหุ้นตัวนั้นมีค่า P/E Ratio ต่ำๆ แปลว่าราคาหุ้นถูก ตรงกันข้ามถ้าหุ้นตัวนั้นค่า P/E Ratio สูงๆ แปลว่าราคาหุ้นแพงไปแล้ว ซึ่งในความจริงอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้น

 

ด้วยเหตุนี้ จึงมีคำถามตามมาว่า ถึวแม้หุ้นตัวนั้นมีราคาแพง อาจมีความน่าสนใจมากกว่าหุ้นที่ราคาถูกกว่า หากบริษัทสามารถทำธุรกิจแล้วเจริญเติบโต สร้างผลกำไรได้ดีอย่างต่อเนื่อง

 

คำถามต่อมา แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าหุ้นตัวนั้นมีราคาที่เหมาะสมกับมูลค่าพื้นฐาน พูดง่ายๆ ราคานี้ ซื้อไปแล้วสบายใจ

 

ตัวช่วยที่ว่า คือ PEG Ratio

 

สูตร PEG Ratio = P/E Ratio­ ÷ อัตราการเติบโตของกำไร

 

PEG Ratio เป็นอัตราส่วนที่ใช้ในการประเมินมูลค่าหุ้น ถูกคิดขึ้นมาเพื่อแก้ไขจุดอ่อนของ P/E Ratio ที่ไม่ได้นำอัตราการเติบโตของผลกำไรมาร่วมคำนวน ส่งผลให้ค่า P/E ของหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูง อาจมีค่ามากเกินไป ทำให้นักลงทุนรู้สึกว่าเป็นหุ้นที่ไม่น่าซื้อเพราะราคาแพงไปแล้ว ซึ่งความจริงหากดูการเติบโตของผลการดำเนินงาน หุ้นตัวนี้กลับมีมูลค่าหุ้นในระดับที่น่าซื้อ

 

ขั้นตอนการหาค่า PEG Ratio เริ่มจากหาค่า P/E Ratio (ราคาหุ้นหารกำไรต่อหุ้น) แล้วหาค่า PEG Ratio

 

  • ตัวอย่าง

หุ้น YYY ราคา 15 บาท กำไรต่อหุ้น 2 บาท ประเมินว่าอัตราการเติบโตของกำไร (EPS Growth) จะอยู่ที่ประมาณ 5%

 

หุ้น ZZZ ราคา 18 บาท กำไรต่อหุ้น 2 บาท ประเมินว่าอัตราการเติบโตของกำไร (EPS Growth) จะอยู่ที่ประมาณ 10%

 

จากตัวอย่าง หุ้น YYY มีค่า P/E Ratio ระดับ 7.5 เท่า (15 หาร 2) มีค่า PEG Ratio ระดับ 1.5 เท่า (7.5 หาร 5) ส่วนหุ้น ZZZ มีค่า P/E Ratio ระดับ 9 เท่า (18 หาร 2) มีค่า PEG Ratio ระดับ 0.9 เท่า (9 หาร 10)

 

หากพิจารณาเพียงค่า P/E Ratio พบว่าหุ้น ZZZ มีราคาแพงกว่าหุ้น YYY แต่หากนำอัตราการเติบโตของกำไรเข้ามาคำนวณ พบว่าหุ้น ZZZ มีอัตราการเติบโตที่ดีกว่า

 

ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อธิบายว่า PEG Ratio มีค่าเท่ากับ 1 เท่า หมายความว่าราคาหุ้นสะท้อนการเติบโตของกำไรต่อหุ้นได้เหมาะสม

 

ถ้า PEG Ratio มากกว่า 1 เท่า มีความเป็นไปได้ว่าหุ้นมีราคาซื้อขายที่สูงเกินกว่ามูลค่าที่เหมาะสม (Overvalued stock) หรือตลาดโดยรวมคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นในอนาคตของหุ้นตัวนั้นว่าน่าจะสูงกว่าที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดคะเนไว้ในปัจจุบัน

 

ถ้า PEG Ratio มีค่าน้อยกว่า 1 เท่า มีความเป็นไปได้ที่หุ้นตัวนั้นมีราคาซื้อขายที่ต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น หรือตลาดโดยรวมไม่เชื่อว่าบริษัทจะมีอัตราการเติบโตของผลกำไรตามที่นักลงทุนส่วนใหญ่ประมาณการไว้

 

โดยปกติหุ้น Undervalue มักจะมี PEG Ratio ที่ต่ำกว่า 1 เท่า เนื่องจากนักลงทุนมีความคาดหวังในผลกำไรของหุ้นเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ตลาดโดยรวมยังไม่ได้รับรู้ถึงศักยภาพการเติบโตของผลกำไรดังกล่าว

 

สรุป หากหาหุ้นด้วยการใช้ PEG Ratio ค่าที่ออกมาควรมีค่าเท่ากับ 1 หรือน้อยกว่า 1 แต่ไม่ควรติดลบ

 

 

#WealthMeUp

Related Stories

amazon anti fatigue mats