ข้อมูลต้องรู้! ก่อนตัดสินใจซื้อ "หุ้นสหรัฐฯ-จีน"
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
ถ้าพูดถึงเหตุผลที่ออกไปซื้อหุ้นต่างประเทศ หลักๆ ก็คือ เพื่อต้องการผลตอบแทนที่ดีและการกระจายความเสี่ยง และตลาดหุ้นที่นักลงทุนไทยหมายปองมากที่สุดในปัจจุบัน หนีไม่พ้นหุ้นสหรัฐอเมริกากับหุ้นจีน คำถามคือ ถ้าสนใจไปลงทุนตลาดหุ้นสองประเทศนี้ สะดวกที่สุดคือวิธีไหน
ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และภาครัฐ ผ่อนคลายกฎระเบียบกฎระเบียบในการสนับสนุนนักลงทุนรายย่อยได้ออกไปลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง บวกกับการส่งเสริมความรู้เพื่อให้การลงทุนหุ้นต่างประเทศเป็นเรื่องที่ “ลงทุนได้ ลงทุนง่าย และลงทุนเป็น”
ยกตัวอย่างเช่น ยกเลิกวงเงินจัดสรรสำหรับการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ภายใต้การกำกับดูแลสำนักงาน ก.ล.ต., เพิ่มวงเงินลงทุนให้บุคคลทั่วไปที่ไม่ได้ลงทุนผ่านตัวแทนการลงทุนได้เป็น 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี, ไม่จำกัดวงเงินลงทุนในหุ้นต่างประเทศถ้าลงทุนผ่านตัวแทนการลงทุนในประเทศ เช่น บล. บลจ., เลือกลงทุนได้ทั้งผ่าน บล. บลจ. หรือไปลงทุนด้วยตัวเอง เป็นต้น
เมื่อกฎเกณฑ์เพื่อออกไปซื้อหุ้นตลาดต่างประเทศผ่อนคลาย ทำให้นักลงทุนรายย่อยไทยให้ความสนใจมากขึ้น สังเกตจากข้อมูลล่าสุดจาก ธปท. พบว่าสิ้นไตรมาสที่ 2 ปีที่แล้ว นักลงทุนรายย่อยที่ลงทุนผ่านตัวแทนลงทุน (บล.และ บลจ.) ในหุ้นต่างประเทศ 3,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าเติบโตในระดับสูง เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วงปี 2558 – 2562 ที่อยู่ระดับ 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจาก บล.และ บลจ. มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ลงทุนที่หลากหลายและเข้าถึงง่าย
“ทำไมต้องไปลงทุนต่างประเทศ” ประเด็นนี้ คุณรัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการหัวหน้าฝ่าย Global Investing บล.บัวหลวง แชร์ข้อมูลให้ฟังว่า เนื่องจากเศรษฐกิจไทยชะลอตัว ดังนั้น หากนักลงทุนไทยยังคงจำกัดการลงทุนอยู่เพียงแต่ภายในประเทศ อาจสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้ยาก ดังนั้น การกระจายความเสี่ยง ด้วยการหันไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนที่ดีในเวลานี้
“การลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ทำได้สะดวกสบายมากขึ้นกว่าในอดีต เช่น แบงก์ชาติ ได้ผ่อนคลายกฎเกณฑ์การนำเงินออกนอกประเทศ ถือเป็นโอกาสที่ดีที่นักลงทุนรายย่อยจะได้ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากๆ
สำหรับผู้ที่สนใจและกำลังศึกษาข้อมูลก่อนจะไปซื้อหุ้นต่างประเทศ ก่อนอื่นต้องถามตัวเองก่อนว่ามีความพร้อมและรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน และสำหรับมือใหม่ควรเริ่มต้นด้วยการลงทุนผ่าน บล. ที่ตัวเองเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นอยู่ในปัจจุบัน เพราะถือเป็นวิธีที่สะดวกกว่าที่จะดำเนินการด้วยตัวเอง ที่สำคัญใช้เงินลงทุนในจำนวนไม่มากอีกด้วย
และแน่นอน ในปัจจุบันตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาและตลาดหุ้นจีน ถือเป็นตลาดหุ้นอันดับต้นๆ ที่นักลงทุนรายย่อยไทยต้องการไปลงทุน เพราะทั้งสองประเทศมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ โดยเฉพาะเศรษฐกิจยุคใหม่ในอนาคตที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกเข้าไปลงทุนกันอย่างคึกคักเพื่อสร้างผลตอบแทนและกระจายความเสี่ยง
ดังนั้น ในเบื้องต้นควรสำรวจข้อมูลแต่ละ บล.ว่ามีรายละเอียดอะไรบ้าง เพื่อเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจใช้บริการ