1O กอง REITs ปันผลเด่น
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ กอง REITs หรือชื่อเต็มว่า กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ กลับมาได้รับความน่าสนใจจากนักลงทุนอีกครั้ง เนื่องจากว่าเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจเมื่อเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว สามารถป้องกันอัตราเงินฟ้อ (Inflation Hedge) และให้ผลตอบแทนในรูปเงินปันผลค่อนข้างสม่ำเสมอ
หากมองย้อนกลับไปยังช่วงก่อนเกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ระดับ3% ทำให้การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ (รวมถึง REITs) ให้ผลตอบแทนที่โดดเด่น ทั้งในด้านราคาและผลตอบแทนจากเงินปันผล
อย่างไรก็ตาม อสังหาริมทรัพย์เป็นสินทรัพย์ (รวมถึง REITs) เพื่อการลงทุนที่มีความผันผวนด้านราคาค่อนข้างสูง เช่น ช่วงการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 กดดันให้ราคาหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (รวมถึง REITs) ปรับลดลงลึกมาก แต่เมื่อมีสัญญาณว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มกลับเข้าไปซื้ออีกครั้ง เพราะมองว่าราคายังปรับขึ้นไม่มากเมื่อเทียบกับหุ้นตัวอื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกัน ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานไม่ต่างกัน (หุ้น Laggard) ดังนั้น จึงมีโอกาสได้รับผลตอบแทน 2 เด้ง คือ จาก Capital gain และเงินปันผล
โดยปกติแล้ว REITs เป็นช่องทางการลงทุนที่ช่วยตอบโจทย์ในภาวะดอกเบี้ยต่ำได้ค่อนข้างดี เนื่องจากผลตอบแทนอยู่ในระดับน่าประทับใจและมีความปลอดภัยจากการลงทุนอยู่ในระดับค่อนข้างสูง โดยอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ของกอง REIT อยู่ในระดับสูงกว่าอัตราเงินปันผลตอบแทนของตลาดหุ้นโดยรวม และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลทุกช่วงปี
อย่างไรก็ตาม หากสนใจลงทุนกอง REITs ในช่วงนี้ต้องเพิ่มความระมัดระวัง เพราะราคาเริ่มขยับขึ้นสูง ทำให้อัตราเงินปันผลตอบแทนปรับลดลง จึงต้องพิถีพิถันในการคัดสรร
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้คำแนะนำในการเลือกลงทุนกอง REITs ว่านอกจากจะเปรียบเทียบอัตราเงินปันผลตอบแทน รูปแบบการถือครองสินทรัพย์ ก่อนตัดสินใจลงทุนต้องทำความเข้าใจประเภทของกอง REITs ก่อน
กอง REITs มี 2 ประเภท ได้แก่ Freehold เป็นกองทุนที่ลงทุนโดยการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อเป็นเจ้าของ และนำรายได้จากการให้เช่าพื้นที่มาจ่ายเป็นเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ดังนั้น กองทุนประเภทนี้ ผู้ถือหน่วยลงทุนจึงมีกรรมสิทธิ์เต็มที่ในอสังหาริมทรัพย์ที่ไปลงทุน และเมื่อเลิกกองทุนก็สามารถขายอสังหาริมทรัพย์ออกไป แล้วนำเงินมาเฉลี่ยคืนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนได้ด้วย และหากมูลค่าการขายอสังหาริมทรัพย์นั้นสูงกว่าตอนที่กองทุนเข้าไปซื้อ มูลค่าหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนจะได้รับคืนจะเพิ่มสูงขึ้นด้วย
และประเภท Leasehold จะลงทุนโดยการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้น ผู้ถือหน่วยลงทุนจึงไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุน มีเพียงสิทธิในการนำอสังหาริมทรัพย์นั้นไปหาผลตอบแทนในช่วงระยะเวลาของสัญญาเช่าที่กองทุนได้ตกลงไว้กับเจ้าของ เช่น 10 ปี 20 ปี หรือ 30 ปี และเมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าก็ต้องคืนอสังหาริมทรัพย์ให้แก่เจ้าของ หมายความว่า เมื่อเวลาผ่านไป ระยะเวลาในการหาประโยชน์จะลดน้อยลงเรื่อย ๆ จึงมีผลให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ลดลงไปด้วยตามระยะเวลาที่เหลือน้อยลง จนเป็นศูนย์ ณ วันที่ครบอายุสัญญา ส่งผลให้มูลค่าสิทธิการเช่าจะลดลงเรื่อย ๆ ตามเวลาที่เหลืออยู่ ซึ่งเมื่อนำมูลค่าสิทธิการเช่ามาคำนวณแล้ว มูลค่าสินทรัพย์ (NAV) จะลดลงเรื่อย ๆ จนเป็นศูนย์ ณ วันที่ครบอายุสัญญาเช่า
ดังนั้น ถ้าสนใจกอง REITs ต้องเลือกแบบระมัดระวัง โดยเฉพาะนักลงทุนมือใหม่ ควรเลือกกองประเภท Freehold เพราะดูอัตราเงินปันผลตอบแทนได้เลย เพราะว่ามีสิทธิเก็บกินผลประโยชน์บนสินทรัพย์แบบไม่มีกำหนด
เช่น เลือกระดับอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงๆ เช่น มากกว่า 5% และจ่ายปันผลทุกปีไม่ขาดตกบกพร่อง จะสะท้อนคุณภาพของสินทรัพย์ดีมาก และลักษณะของผู้เช่าจะเช่าในระยะยาว หมายความว่ามีรายได้เข้ามาสม่ำเสมอ