“King of Smartphone” BlackBerry หายไปไหน?
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
ครั้งหนึ่งบริษัทที่เคยได้รับฉายาว่า “King of Smartphone”
เคยมี…หุ้นในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ราคาสูงถึง $147.55 เมื่อ 13 ปีก่อน
เคยมี…ยอดขายโทรศัพท์มือถือกว่า 50 ล้านเครื่องในปี 2011
เคยมี…ส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) ในอเมริกากว่า 50%
แล้ววันนี้ “BlackBerry” หายไปไหน ?
เดิมที BlackBerry ไม่ได้ใช้ชื่อบริษัทว่า BlackBerry แต่ใช้ชื่อ RIM (Research In Motion) เมื่อปี 1984 โดยการก่อตั้งของ 2 นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์จากแคนาดา อย่าง Mike Lazaridis และ Douglas Fregin ด้วยความเก่งกาจจึงได้งานโปรเจคจากบริษัทยักษ์ใหญ่ อย่าง GM IBM และ Ericsson ทั้งการพัฒนาระบบสัญญาณเครือข่าย ระบบ LED รวมถึงระบบการตัดต่อภาพยนตร์
และในอีก 16 ปีต่อมา (ปี 2000) RIM ได้เปิดตัว Smartphone รุ่นแรกในชื่อ “BlackBerry 957” โดยคำว่า “BlackBerry” ได้แรงบันดาลใจมาจากแผงปุ่มคียบอร์ด QWERTY สีดำสนิทที่คล้ายกับผลไม้อย่าง Black Berry มีฟังก์ชั่นการใช้งานหลัก คือ การรับ-ส่งอีเมล์และข้อความผ่านคีย์บอร์ดแบบ QWERTY
และด้วยความที่ BlackBerry โดดเด่นเรื่องการเก็บรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและเน้นการใช้งานในด้านธุรกิจเป็นหลัก จึงสามารถครองใจเหล่านักธุรกิจและองค์กรชั้นนำในอเมริกาในยุดนั้นได้อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะฟังก์ชั่นที่ถูกออกแบบมาให้สื่อสารในหมู่ผู้ใช้ BlackBerry ที่รู้จักกันดีในชื่อ BlackBerry Messenger (BBM) ที่ผู้ใช้ BlackBerry ทุกคนสามารถส่งข้อความหากันได้แบบไม่จำกัด (ยุคนั้นยังใช้ SMS ในการส่งข้อความ)
รายได้พุ่งทะยานไม่หยุด
ปี 2005 รายได้ $1,350 ล้านเหรียญ ราคาหุ้น $22.00
ปี 2006 รายได้ $2,065 ล้านเหรียญ ราคาหุ้น $42.59
ปี 2007 รายได้ $3,037 ล้านเหรียญ ราคาหุ้น $116.94
ปี 2008 รายได้ $6,009 ล้านเหรียญ ราคาหุ้น $38.77
ปี 2009 รายได้ $11,065 ล้านเหรียญ ราคาหุ้น $67.25
ปี 2010 รายได้ $14,953 ล้านเหรียญ ราคาหุ้น $58.07
ปี 2011 รายได้ $19,907 ล้านเหรียญ ราคาหุ้น $14.50
แต่หากดูราคาหุ้นจะเห็นได้ว่าเริ่มมีการปรับตัวลงตั้งแต่ปี 2008 สวนทางกับรายได้ที่เติบโตแบบเท่าตัวในปีนั้น สาเหตุสำคัญประการหนึ่ง น่าจะมาจากการเปิดตัว iPhone รุ่นแรกของ APPLE ที่มีแนวโน้มจะมาปฏิวัติวงการสมาร์ทโฟน ด้วยแนวคิดใหม่ ทำใหม่ นำปุ่มคีย์บอร์ด QWERTY ทั้งหมดออกไปและแทนที่ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่แทน
และแม้ว่าความนิยมของ iPhone จะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายของ BlackBerry ในทันที แต่พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และคู่แข่งที่เข้ามาในตลาดมากขึ้น (ทั้ง iPhone และ Android) สวนทางกับความเร็วในการการพัฒนานวัตกรรมสินค้าใหม่ๆ ของ BlackBerry และตัวเครื่องยังมีราคาสูง จึงทำให้ส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกเหลืออยู่ไม่ถึง 5% ในปี 2012
และแม้ว่าจะพยายามออกสมาร์ทโฟนรุ่น Touch Screen และเปลี่ยนชื่อบริษัทให้คนจำง่ายขึ้นเป็น BlackBerry แต่ก็ดูเหมือนจะสายเกินไป เพราะอีก 4 ปีต่อมา ยอดขายทั่วโลกเหลือเพียง 207,900 เครื่อง จึงจำใจต้องขายแบรนด์โทรศัพท์มือถือ BlackBerry ให้กับบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าจากจีนอย่าง TCL โดยทาง TCL จะเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วน Hardware และทาง BlackBerry จะดูแลในส่วนของ Software เท่านั้น
แม้ทุกวันนี้ BlackBerry จะหันมาเอาดีด้านการพัฒนาซอฟแวร์ระบบรักษาความปลอดภัย (Intelligent Security Software Solution) แต่รายได้ปีล่าสุด ลดลงเหลือเพียง $893 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 5% จากจุดสูงสุดที่เคยทำได้ และราคาหุ้นล่าสุดเหลือเพียง $9.56 (19 ส.ค. 64)
คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า ธุรกิจพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยในโลกไซเบอร์จะเป็นโอกาสใหม่ที่จะนำ BlackBerry กลับมาทวงบัลลังก์ความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้งหรือไม่
ที่มาข้อมูล : Bloomberg, Macrotrends, Yahoo Finance, Business Insider, PCMAG
ราคาหุ้น BlackBerry ปี 2005-2011 อ้างอิง ณ วันทำการสุดท้ายของแต่ละปี