×

Wealth Me Up ให้เงินทำงาน

5 หุ้นอเมริกา ได้ประโยชน์จากสงครามเย็น

2,338

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย

Facebook | Line | Youtube | Instagram

 

หลังจากรัสเซียตัดสินใจบุกยูเครน ในช่วงแรก ๆ ทุกคนมองว่าเหตุการณ์น่าจะจบลงในเวลาไม่นาน แต่หลังจากสถานการณ์ยืดเยื้อและไม่มีท่าทีว่าจะจบลงง่าย ๆ จนกระทั่งประเมินว่าอาจเกิดสงครามเย็นอีกครั้ง

 

สงครามเย็นเป็นการต่อสู้ระหว่างประเทศต่อประเทศด้วยวิธีการต่าง ๆ โดยเน้นการใช้วิธีแข่งขันกันทางกำลังทหาร อาวุธ หรือเศรษฐกิจ เพื่อขัดขวางการขยายอำนาจของกันและกัน โดยนิตยสาร The Economist ทำการสำรวจเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2565 พบว่าผู้ใหญ่ชาวอเมริกัน 6 ใน 10 คนเชื่อว่าโอกาสของสงครามเย็นในขณะนี้มีมากกว่าเมื่อ 5 ปีก่อน 

 

ถึงแม้ว่าประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โจ ไบเดน ประกาศในการประชุมสหประชาชาติเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้ว่าสหรัฐอเมริกาไม่แสวงหาสงครามเย็น แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศส่วนใหญ่เชื่อว่า สงครามเย็นระหว่างฝ่ายสหรัฐอเมริกากับฝ่ายรัสเซียและจีน ได้เกิดขึ้นแล้ว

 

ถึงแม้ว่าปัจจุบันสหรัฐอเมริกายังคงความเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีหรือขนาดของธุรกิจโดยรวมที่ใหญ่ที่สุด หมายความว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกายังคงแข็งแกร่งกว่าประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก อย่างไรก็ตาม จีนซึ่งเป็นประเทศการผลิตและส่งออกที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังท้าทายสหรัฐอเมริกา ทำให้ช่องว่างระหว่างประเทศมหาอำนาจทั้งสองแคบลง ทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างพยายามทุกวิถีทางเพื่อแย่งชิงความเป็นมหาอำนาจของโลก  

 

มาตรการสำคัญประการหนึ่งที่ทั้งสองประเทศนำมาตอบโต้กัน คือ สงครามการค้าแย่งชิงความได้เปรียบด้านเศรษฐกิจ แต่ผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวกลับส่งผลร้ายต่อเศรษฐกิจโลก 

 

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความปั่นป่วนกลับมีบางบริษัทสัญชาติอเมริกัน ที่เป็นผู้ชนะอย่างชัดเจนท่ามกลางสงครามเย็นรอบใหม่ จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ทยอยเข้าซื้อหุ้นบริษัทเหล่านี้ เพื่อรอรับผลตอบแทนในอนาคต

 

บริษัทสัญชาติอเมริกันที่ได้รับประโยชน์จากสงครามเย็นรอบใหม่ ส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ การป้องกันและการทหาร เนื่องจากลูกค้าซึ่งเป็นบริษัทเอกชนทั่วโลกและกองทัพมีความต้องการสูงขึ้น รวมถึงธุรกิจลิเทียมและโลหะมีค่า เนื่องจากจีนเป็นผู้ส่งออกลิเทียมและโลหะมีค่ารายใหญ่ที่สุด และเมื่อเกิดสงครามเย็น หมายความว่าสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรอาจลดการพึ่งพาลิเทียมและโลหะมีค่าจากจีน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ผู้ผลิตลิเทียมและโลหะมีค่าในสหรัฐอเมริกาเติบโตขึ้น

 

Palo Alto Networks,Inc.

 

เป็นบริษัทที่บริการโซลูชั่นการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ทั่วโลก ทำการตลาดและขายผลิตภัณฑ์และบริการผ่านคู่ค้าช่องทางต่าง ๆ โดยมีลูกค้าหลากหลายธุรกิจ เช่น หน่วยงานที่ดำเนินงานด้านการศึกษา ธุรกิจพลังงาน สถาบันการเงิน การแพทย์ อินเทอร์เน็ตและสื่อสาร รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ

 

Catharine Trebnick นักวิเคราะห์ของ MKM Partners ประเมินว่าปัจจุบัน Palo Alto Networks มีมูลค่าการทำสัญญาให้บริการกับลูกค้าในระยะยาวเพิ่มจาก $28 ล้าน ในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา เป็น $75 ล้าน ทำให้รายได้มีโอกาสเติบโตที่ดีในระยะยาวด้วย โดยให้ราคาเป้าหมายที่ระดับ $250

 

Freeport-McMoRan Inc.

 

ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเหมืองแร่ในอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และอินโดนีเซีย เช่น สำรวจทองแดง ทอง โมลิบดีนัม เงิน และโลหะมีค่าอื่น ๆ รวมถึงน้ำมันและก๊าซ ดังนั้น หากสหรัฐอเมริกาตัดการพึ่งพาโลหะมีค่าจากจีน เนื่องจากสงครามเย็นรอบใหม่ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อหุ้นเหมืองแร่ของสหรัฐอเมริกา เช่น Freeport-McMoRan

 

Sam Crittenden นักวิเคราะห์ของ RBC Capital ให้ราคาเป้าหมายหุ้น Freeport-McMoRan ที่ระดับ $35 โดยถึงแม้ว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบจากความผันผวนด้านราคาโลหะมีค่า เช่น ทองแดง รวมถึงความต้องการโลหะมีค่าที่ชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา แต่จากนโยบายของโจ ไบเดน มีแผนที่จะผลักดันให้มีการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ในสหรัฐอเมริกา ก็จะทำให้ความต้องการทองแดงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

Caterpillar Inc.

 

ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ก่อสร้างและเหมืองแร่ เครื่องยนต์ดีเซลและก๊าซธรรมชาติ กังหันก๊าซอุตสาหกรรมทั่วโลก รวมทั้งยานพาหนะทางทหาร เช่น รถถัง รถยานเกราะ รถขนส่งรถถัง รถขนส่งหุ้มเกราะ รถบรรทุกทหาร ทำให้เป็นบริษัทที่น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนท่ามกลางสงครามและความสัมพันธ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ตึงเครียด

 

Ivan Feinseth นักวิเคราะห์ของ Tigress ให้ราคาเป้าหมายหุ้น Caterpillar Inc. ที่ระดับ $266 โดยประเมินว่ารายได้จะเติบโตต่อเนื่อง จากธุรกิจพลังงานและเหมืองแร่

 

Raytheon Technologies Corporation

 

ดำเนินธุรกิจด้านการบินและอวกาศ การป้องกันประเทศ เชี่ยวชาญในระบบและบริการสำหรับลูกค้าเชิงพาณิชย์ การทหาร และรัฐบาลทั่วโลก โดย Ken Herbert นักวิเคราะห์ของ RBC Capital ให้ราคาเป้าหมายหุ้น Raytheon Technologies Corporation ที่ระดับ $115 โดยมองว่านับตั้งแต่จีนมีเทคโนโลยีทางการทหารที่ล้ำหน้า และในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มสูงขึ้น ธุรกิจของ Raytheon เติบโตได้ในระดับที่ดี โดยรายได้ราว 50% ของรายได้รวม มาจากลูกค้าที่เป็นกองทัพ เช่น อุปกรณ์ส่วนใหญ่ของเครื่องบินรบ F-35 และขีปนาวุธแพทริออท มาจากบริษัทแห่งนี้

 

Fortinet, Inc.

 

ผู้ให้บริการโซลูชั่นการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์แบบอัตโนมัติแบบครบวงจรในทวีปอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชียแปซิฟิก ซึ่งความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นปัญหาใหญ่ท่ามกลางสงครามเย็นรอบใหม่ ทำให้บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็ว

 

Joseph Gallo นักวิเคราะห์ Jefferies Capital ให้ราคาเป้าหมายหุ้น Fortinet ที่ระดับ $65 เนื่องความสามารถในการทำกำไรที่โดดเด่น ที่สำคัญตลาดโซลูชั่นการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ทั่วโลก มีขนาดใหญ่มาก ทำให้สามารถขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว

 

#WealthMeUp

Related Stories

amazon anti fatigue mats