1O กองทุนรวมหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ผลตอบแทนปี 2566 เด่น
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
ถ้าพูดถึงหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก จะเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปไม่เกิน 80,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นนิยามที่ใช้กันในสมาคมบริษัทจัดการลงทุน และเป็นกรอบการลงทุนของหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กของกองทุนหลายๆ กองทุน
ข้อมูลล่าสุด หุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยที่มีมาร์เก็ตแคปไม่เกิน 80,000 ล้านบาท จำนวน 615 บริษัท และหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปเกิน 80,000 ล้านบาท จำนวน 50 บริษัท จึงไม่ต้องกังวลว่ากองทุนที่ลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กหรือว่าลักษณะการลงทุนเช่นนี้จะไม่มีหุ้นให้เลือกลงทุน เพราะหุ้นมีจำนวนมากและหลากหลาย
ข้อมูลจาก บลจ.บัวหลวง ระบุว่าถ้าสนใจลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก ให้มองไปที่ภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เช่น ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ บริษัทขนาดใหญ่ของไทยจำนวนมากและเป็นบริษัทเก่าแก่ที่อยู่มานาน แม้จะมีโครงสร้างที่แข็งแรง มีศักยภาพเติบโต แต่ส่วนมากก็เป็นธุรกิจรูปแบบเก่า (Old Economy) อิงกับเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งถ้าผ่านพ้นช่วงของการเติบโตหรือผ่านพ้นสถานการณ์ COVID ไปแล้ว การเติบโตในอนาคตระยะยาวอาจจะมีค่อนข้างจำกัด อาจจะทำให้โอกาสของการปรับขึ้น (Upside) ของดัชนีตลาดหุ้นไทยไปไม่ได้ไกล ด้วยประเด็นโครงสร้างทางเศรษฐกิจและธุรกิจ
ดังนั้น การลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนของตลาดในระยะยาว ก็จำเป็นที่จะต้องหันมาดูหุ้นกลุ่มที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงหรือการเติบโตในอนาคต สามารถปรับตัวได้เร็ว สามารถสร้าง S-Curve หรือธุรกิจใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่โดยรอบที่เป็นลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งหุ้นเหล่านี้ก็จะเป็นหุ้นของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก คือ บริษัทยังไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก ผู้บริหารอาจจะเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์และยอมรับการเปลี่ยนแปลง สามารถสร้าง S-Curve สร้างโครงสร้างธุรกิจใหม่ที่จะสอดคล้องกับการเติบโตในอนาคต ไม่ยึดติดอยู่กับรูปแบบเดิมๆ
กองทุนรวมหุ้นขนาดกลางและเล็ก ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายพอร์ตลงทุนและมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาว แต่สิ่งสำคัญ คือ กองทุนประเภทนี้ก็มาพร้อมกับระดับความเสี่ยงที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับกองทุนรวมหุ้นขนาดใหญ่
เนื่องจากหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กมักจะอ่อนไหวต่อความผันผวนของตลาด และราคาหุ้นอาจอ่อนไหวต่อสภาวะทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม นอกจากนี้บริษัทอาจมีข้อกำจัดต่าๆ เช่น สถานะทางการเงิน การแข่งขัน ก็อาจจะทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยต่ำตามไปด้วย