ทำไม…ถึงอยากขึ้น VAT?
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Youtube | Facebook | TikTok | Instagram | Line
ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT ถือเป็นแหล่งรายได้สำคัญของรัฐบาล
โดยในปีงบประมาณ 2567 เพียงปีเดียว กรมสรรพากรมีรายได้จาก VAT สูงถึง 947,276 ล้านบาท
คิดเป็นสัดส่วนที่มากถึง 42% ของภาษีที่กรมสรรพากรจัดเก็บทั้งหมด
รู้หรือไม่?
จริงๆ แล้ว ประเทศไทยกำหนด VAT ไว้ที่ 10%
แต่ตั้งแต่ ปี 2540 คณะรัฐมนตรีออกพระราชกฤษฎีกาลด VAT เหลือ 7% มาทุกปี
เพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนและเศรษฐกิจโดยรวม นับตั้งแต่ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง
อย่างไรก็ตาม การเพิ่ม VAT แม้เพียง 1% สามารถเพิ่มรายได้ของรัฐได้มากถึง 7-8 หมื่นล้านบาทต่อปี
ซึ่งถือเป็นจำนวนเงินมหาศาลที่สามารถนำไปใช้พัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ ได้
จึงไม่น่าแปลกใจที่มักมีข้อเสนอให้ปรับขึ้นอัตรา VAT มาตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อน
โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ VAT ของประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 15-20%
VAT ของไทยจึงยังถืออยู่ในระดับต่ำ
โดยใน 10 อันดับแรกของประเทศที่มี VAT สูงที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในทวีปยุโรปทั้งหมด
- ฮังการี 27%
- ฟินแลนด์ 25.5%
- สวีเดน 25%
- เดนมาร์ก 25%
- นอร์เวย์ 25%
- โครเอเชีย 25%
- หมู่เกาะแฟโร 25%
- กรีซ 24%
- ไอซ์แลนด์ 24%
- โปแลนด์ 23%
ส่วนประเทศสำคัญในเอเชีย ได้แก่
- อินเดีย 18%
- จีน 13%
- ญี่ปุ่น 10%
- เกาหลีใต้ 10%
ประเทศเพื่อนบ้านในแถบอาเซียน
- ฟิลิปปินส์ 12%
- อินโดนีเซีย 11%
- เวียดนาม 10%
- มาเลเซีย Sales 10% / Services 8%
- กัมพูชา 10%
- สปป.ลาว 10%
- สิงคโปร์ 9%
- เมียนมา 5%
- บรูไน ไม่จัดเก็บภาษี
เมื่อดูข้อมูลมาถึงตรงนี้ ก็จะเห็นเหตุผลสนับสนุนการขึ้น VAT อยู่หลายข้อ
แต่ก็มีข้อควรระวังที่อาจส่งผลกระทบทั้งต่อประชาชนในเรื่องค่าครองชีพที่สูงขึ้น
โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และต่อภาพรวมเศรษฐกิจในส่วนของการบริโภคในประเทศและการเติบโตของ GDP
แม้ว่าตอนนี้รัฐบาลจะออกมาปฏิเสธเรื่องการขึ้น VAT แล้วก็ตาม
แต่ในอนาคต หากมีแนวคิดเรื่องนี้กลับมาอีก หวังว่าการออกแบบโครงสร้างภาษีจะมีความรอบคอบ โปร่งใส ยุติธรรม และสามารถรักษาสมดุลระหว่างรายได้ของรัฐและผลกระทบต่อประชาชนได้ดี
เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยได้อย่างยั่งยืน
ที่มา :
https://worldpopulationreview.com/country-rankings/vat-tax-by-country
https://www.bbc.com/thai/articles/c1el8y002nno