4 หลักคิดคัดหุ้นมาร์เก็ตแคปใหญ่
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
มาร์เก็ตแคป คือ มูลค่าหุ้นตามราคาตลาด คำนวณได้โดยนำ “ราคาปิดคูณจำนวนหุ้นที่จดทะเบียนทั้งหมด”
มาร์เก็ตแคป เป็นค่าที่บอกมูลค่าตลาดหรือขนาดของบริษัทนั้นๆ โดยหลักๆ ในตลาดหุ้นไทย แบ่งมาร์เก็ตแคปออกได้ 3 ระดับ คือ หุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ หุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดกลาง และหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดเล็ก
ส่วนหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคประดับไหนที่เข้าข่ายขนาดใหญ่ กลางหรือเล็ก ขึ้นอยู่กับนักลงทุนแต่ละคนว่ากำหนดอย่างไร เช่น ถ้าหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ ต้อง 50,000 ล้านบาทขึ้นไป ถ้าเป็นมาร์เก็ตแคปขนาดกลาง จะอยู่ 10,000 – 50,000 ล้านบาท ถ้าต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท คือหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดเล็ก เป็นต้น
ประเด็นที่นักลงทุนนิยมมีหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่เอาไว้ในพอร์ตเสมอ เพราะเป็นบริษัทที่มีฐานะการเงินมั่นคง ถึงแม้ว่าการเติบโตของผลกำไรจะไม่มากมาย แต่ก็เติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป
ถัดมา ก็คือ ไม่เป็นสองรองใครในการทำธุรกิจ พูดง่ายๆ มีความได้เปรียบด้านการแข่งขัน ที่สำคัญราคาหุ้นมีความผันผวนค่อนข้างต่ำ แล้วมักจ่ายเงินปันผลทุกๆ ปี
ทีนี้ ถ้าสนใจซื้อหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ 1 – 2 ตัว ต้องเริ่มจากกำหนดเงื่อนไขตามที่ต้องการ เช่น
1.มาร์เก็ตแคปมากกว่า 1 แสนล้านบาท
ที่เลือกเยอะๆ เพราะจะได้ไม่ต้องกังวลเมื่อต้องการขาย เพราะหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ระดับแสนล้านบาท มีสภาพคล่องสูง พูดง่ายๆ จะซื้อหรือขายตอนไหนก็ทำได้ทันที
2.Dividend Yield 3% ขึ้นไป
ถ้าเป็นหุ้นเติบโตหรือหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดกลางและเล็ก การที่จะหาผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) สูงๆ เช่น 8% หรือทะลุ 10% คงหาได้ง่าย แต่ถ้าเป็นหุ้นมาร์เก็ตแคปใหญ่ ถ้าได้สัก 3% ก็โอเคแล้ว
3.Beta น้อยกว่า 1
ค่าเบต้า คือตัวเลขที่ได้จากการเปรียบเทียบระหว่างการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นและการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้น หุ้นที่มีค่าเบต้าต่ำจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้นที่มีค่าเบต้าสูงๆ
ถ้าหุ้นมีค่าเบต้ามากกว่า 1 ราคาหุ้นจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกับดัชนีหุ้น และเปลี่ยนแปลงในอัตราที่สูงกว่า เช่น ถ้าดัชนีปรับขึ้นหรือปรับลง 1% ราคาหุ้นจะปรับขึ้นหรือลงมากกว่า 1%
ถ้าหุ้นมีค่าเบต้าน้อยกว่า 1 ราคาหุ้นจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกับดัชนีหุ้น แต่เปลี่ยนแปลงในอัตราที่น้อยกว่า เช่น ถ้าดัชนีปรับขึ้นหรือปรับลง 1% ราคาหุ้นจะปรับขึ้นหรือลงน้อยกว่า 1%
4.P/E Ratio ต่ำ
แน่นอนว่าการจะซื้อหุ้นแต่ละตัว นักลงทุนมักจะใช้ P/E Ratio เป็นปัจจัยหนึ่งในการตัดสินใจ เช่นเดียวกันถ้าหุ้นมาร์เก็ตแคปใหญ่ มีค่า P/E Ratio ไม่สูงนักก็น่าสนใจ ซึ่งอาจเปรียบเทียบกับ P/E Ratio ตลาด เช่น ถ้า P/E Ratio หุ้นไทยเทรดที่ระดับ 15 เท่า ก็เลือกหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ที่เทรดไม่เกิน 15 เท่า
อยากลงทุนหุ้นมาร์เก็ตแคปใหญ่ ลองเอาเงื่อนไขเหล่านี้ไปพิจารณาเลือกหุ้นดู เพื่อเลือกหุ้นที่เหมาะสม ดังที่ Peter Lynch นักลงทุนชื่อดังแนะนำหลักการง่ายๆ ของการลงทุนว่า “จงลงทุนในสิ่งที่คุณรู้จัก”