9 กองทุน LTF ที่ให้ผลตอบแทนดีสม่ำเสมอ
ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์ คำกล่าวนี้เชื่อว่านักลงทุนหลายคนคงคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เช่นเดียวกันกับการลงทุน ซึ่งถ้าหากจะวัดฝีมือการบริหารของผู้จัดการกองทุน สิ่งที่เราควรทำมากที่สุด ก็คือการวัดผลการดำเนินงานกันแบบระยะยาวๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทุนหุ้นระยะยาวหรือ LTF ซึ่งนักลงทุนต้องลงทุนกันระยะยาวถึง 7 ปีปฎิทิน ดังนั้นเราจะเลือกกองทุนเพียงดูแต่ผลตอบแทนระยะสั้นเพียง 1-2 ปี ก็คงจะไม่เหมาะ
วันนี้เรามี 9 กองทุน LTF ที่สามารถทำผลตอบแทนได้ดีอย่างสม่ำเสมอที่สุดตลอดนับตั้งแต่ปี 2555 มานำเสนอ
กองทุนที่สามารถทำผลตอบแทนได้ดีอย่างสม่ำเสมอนั้นวัดจากอะไร?
แน่นอนที่สุดหนึ่งเหตุผลสำคัญที่เราจ่ายค่าธรรมเนียมจ้างผู้จัดการกองทุนบริหารเงินแทนเรานั้นก็เป็นเพราะว่าเราเชื่อว่าผู้จัดการกองทุนเหล่านั้นมีความรู้ความสามารถและเก่งกว่าเรา ซึ่งหนึ่งในดัชนีชี้วัดที่ดีว่าผู้จัดการกองทุนนั้นเก่งหรือไม่นั้นก็คือ ค่าดัชนีมาตราฐาน (Benchmark) ซึ่งในที่นี้เราใช้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) ที่เราคุ้นเคยกันเป็นตัววัด
โดยเราจะทำการวัดผลตอบแทนแบบรายปีนับตั้งแต่ปี 2555-2560 (ผลตอบแทน ณ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2560) ดังนั้นจะมีทั้งหมด 6 ช่วงเวลา และมีกองทุน LTF ทั้งหมด 52 กองทุนที่มีอายุเพียงพอ (จดทะเบียนเปิดกองทุนก่อนปี 2555) สำหรับการวัดผลการดำเนินงาน ผลลัพธ์ที่ได้นั้นมีดังต่อไปนี้
และจากผลลัพธ์ที่ได้นั้นจะเห็นได้ว่าความแตกต่างระหว่างผู้จัดการกองทุนที่ทำตอบแทนเอาชนะดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) ได้อย่างสม่ำเสมอนั้นมีอยู่มาก ซึ่งใครที่ทำได้ดีก็ต้องยกเครดิตว่าเป็นฝีมือการบริหารกองทุนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
และนี่คือ 9 กองทุน LTF ที่ผู้จัดการกองทุนสามารถทำผลตอบแทนชนะดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) ได้อย่างน้อย 5 ปีขึ้นไป
1.กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มซีเล็คทีฟโกรทหุ้นระยะยาว (1SG-LTF) ของ บลจ. วรรณ
โดยกองทุนดังกล่าวนี้เป็นเพียงกองทุนเดียวที่สามารถทำผลตอบแทนเอาชนะดัชนี SET Index ได้ในทุกปีนับตั้งแต่ปี 2012 โดยที่กองทุนดังกล่าวนี้เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
2.กองทุนเปิด อเบอร์ดีนหุ้นระยะยาว (ABLTF) ของ บลจ. อเบอร์ดีน
สามารถทำผลตอบแทนเอาชนะดัชนี SET Index ได้ 5 ใน 6ปี ที่ผ่านมา โดยสไตล์การลงทุนของกองทุนดังกล่าวนี้เป็นแบบ Buy and Hold และเน้นการลงทุนระยะยาว ดังนั้นการหมุนเวียนของหุ้นในพอร์ตจะไม่สูง
3.กองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ คอร์ หุ้นระยะยาว (MS-CORE LTF) จาก บลจ. แมนูไลฟ์
โดยถึงแม้จะเป็น บลจ. เล็กแต่ก็มีฝีมือในการบริหากกองทุนได้เป็นอย่างดี โดยที่กองทุนดังกล่าวนี้จะมีการกระจายการลงทุนในหลักทรัพย์ค่อนข้างดี ดดยถือหุ้นประมาณ 35-40 ตัวในพอร์ต
4.กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเพิ่มค่าหุ้นระยะยาว (MV-LTF) ของ บลจ. เอ็มเอฟซี
โดยกองทุนนี้เน้นลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ โดยที่ทีมผู้จัดการกองทุนจะเน้นการลงทุนแบบ Buy and Hold โดยที่จะลงทุนหุ้นประมาณ 30 ตัว
5.กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มซีเล็คทีฟหุ้นระยะยาว (1S-LTF) เป็นอีกหนึ่งกองทุนจาก บลจ. วรรณ
โดยที่ความต่างนั้นคือ กองทุนดังกล่าวนี้จะเน้นลงทุนหุ้นจำนวนมาเฉลี่ยประมาณ 50 ตัว แต่ทั้งนี้ก็ยังคงเป็นหุ้นขนาดใหญ่
6.กองทุนเปิดภัทร หุ้นระยะยาวปันผล (PHATRA LTFD) ของ บลจ. ภัทร
โดยที่กองทุนดังกล่าวนี้จะเด่นเรื่องการปรับพอร์ตการลงทุนให้เข้ากับสถานะการณ์ โดยที่ผู้จัดการกองทุนมีการปรับหุ้นเข้า/ออกพอร์ตการลงทุนตอยู่อย่างสม่ำเสมอ เน้นแนวการลงทุนแบบ Trading
7.กองทุนเปิด ฟิลลิป หุ้นระยะยาว (P-LTF)
จาก บลจ. ฟิลลิป เน้นลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ ถึงแม้ว่าขนาดกองทุนจะเล็กก็ตามเพียงแต่ประมาณ 300 ล้านบาทเท่านั้น แต่ก็เรียกได้ว่าบริหารกองทุนได้เป็นอย่างดี โดยกองทุนจะลงทุนหุ้นประมาณ 30 ตัว และมีสไตล์การบริหารแบบ Buy and Hold
8.กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวทาร์เก็ต (SCBLTT) ของ บลจ. ไทยพาณิชย์
โดยที่กองทุนดังกล่าวนี้มีการลงทุนหุ้นจำนวนมากเฉลี่ยประมาณ 100 ตัว ดังนั้นกองทุนจะมีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างดี
9.กองทุนเปิด บรรษัทภิบาล หุ้นระยะยาว (CG-LTF) จาก บลจ. ยูโอบี
อีกหนึ่งกองทุน LTF เด่นที่มีสไตล์แบบเฉพาะตัวเน้นการลงทุนแบบปรับพอร์ตการลงทุนให้เข้ากับสถานะการณ์ โดยที่ถึงแม้ว่าความเสี่ยงจะค่อนข้างสูงแต่ก็สามารถทำผลตอบแทนได้เป็นอย่างดี
นี่ก็คือกองทุน LTF ที่สามารถทำผลตอบแทนได้ดีอย่างสม่ำเสมอในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นนักลงทุนท่านใดที่ยังไม่รู้จะเริ่มกันที่กองทุนไหนดี อาจลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ต่อจากทั้ง 9 กองทุนนี้
กด Subscribe รอเลย…