โปะหนี้ vs ลงทุน เลือกทางไหนดี
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
สำหรับคนที่มีเงินเก็บมากพอ หรือแต่ละเดือนมีเงินเหลือจากการใช้จ่าย คงกำลังคิดว่าจะนำเงินนั้นไปทำอะไรให้ได้ประโยชน์มากกว่าฝากเงินเฉยๆ
ยิ่งเป็นคนมีหนี้ด้วยแล้ว ยิ่งคิดหนัก เพราะจะเลือกลงทุนก็กังวลเรื่องความเสี่ยง จะเลือกโปะหนี้ก็ไม่แน่ใจว่าจำเป็นต้องใช้เงินเร็วๆ นี้หรือไม่ วันนี้จึงชวนมาเช็ก 3 สิ่ง เพื่อช่วยตัดสินใจว่าจะ โปะหนี้ vs ลงทุน ดีกว่ากัน
หนี้ที่มีเป็นหนี้อะไร โปะได้หรือไม่
หากจะโปะหนี้ หนี้นั้นต้องเป็นหนี้ที่คิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก เช่น สินเชื่อบ้าน สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรกดเงินสด ฯลฯ และไม่มีเงื่อนไขห้ามโปะด้วย
สำหรับสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่คิดดอกเบี้ยแบบคงที่ หรือสินเชื่อส่วนบุคคลบางแห่งที่มีเงื่อนไขห้ามโปะก่อนกำหนด แม้มีเงินเหลือก็ไม่ควรโปะ ควรเลือกนำไปลงทุนดีกว่า
หนี้ที่มี ขอวงเงินเพิ่มได้ไหม
หนี้บางประเภท/แห่ง หากผู้กู้สามารถขอกู้เพิ่มบนวงเงินเดิมหรือหลักประกันเดิมได้ ซึ่งขึ้นกับเงื่อนไขของสัญญา ทำให้การตัดสินใจโปะหนี้แต่ละครั้งนั้นง่ายขึ้น เช่น
- สินเชื่อบ้าน หากมีประวัติผ่อนชำระดี หลังผ่อนไปสักระยะ อาจแจ้งธนาคารเดิมเพื่อขอวงเงินกู้เพิ่มได้ หรืออาจเลือกรีไฟแนนซ์ไปยังธนาคารแห่งใหม่ โดยอาจมีการประเมินมูลค่าบ้านที่เป็นหลักประกัน และความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ ณ ขณะนั้นอีกครั้ง
- สินเชื่อส่วนบุคคลที่ผูกวงเงินกับบัตรกดเงินสด ยอดหนี้ส่วนที่ลดลงจากการทยอยชำระหรือโปะ จะไปเพิ่มวงเงินในบัตรกดเงินสด ที่สามารถถอนเงินออกมาได้ทันทีที่ต้องการ
หนี้ที่มี ดอกเบี้ยเท่าไร
หนี้ที่มีหากดอกเบี้ยยิ่งสูง ผลประโยชน์การโปะก็ยิ่งสูงตาม เช่น สินเชื่อส่วนบุคคลที่อัตราดอกเบี้ยประมาณ 25%ต่อปี เทียบกับสินเชื่อบ้านที่อัตราดอกเบี้ยประมาณ 4%ต่อปี การนำเงินไปโปะสินเชื่อส่วนบุคคลย่อมได้ประโยชน์กว่าการโปะสินเชื่อบ้าน
ส่วนการเปรียบเทียบระหว่างโปะหนี้กับลงทุน ลองนำอัตราดอกเบี้ยของหนี้ที่มี เทียบกับผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับหรือที่ผ่านมาของการลงทุนต่างๆ หากอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าหรือใกล้เคียงกับผลตอบแทน ควรเลือกโปะหนี้ เพราะการโปะหนี้จะได้รับผลประโยชน์ที่แน่นอนตามดอกเบี้ยที่ลดลง ในขณะที่ผลประโยชน์การลงทุนอาจผันผวนตามสภาวะลงทุนได้
เช่น การโปะสินเชื่อส่วนบุคคลที่อัตราดอกเบี้ย 25%ต่อปี ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการลงทุน เพราะไม่มีการลงทุนไหนที่จะให้ผลตอบแทนได้สูงถึง 25%ต่อปี เสมอไป
ในขณะที่การโปะสินเชื่อบ้านที่อัตราดอกเบี้ย 4%ต่อปี ผลประโยชน์อาจได้น้อยกว่าการลงทุนบางทางเลือก เช่น หุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศทั่วโลก ที่ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 9.72% และ 14.63% ตามลำดับ (ข้อมูล ณ 4 เม.ย. 65) ซึ่งคิดเป็น 2.4 – 3.7 เท่าของดอกเบี้ยบ้าน
อย่างไรก็ตาม ผลประโยชน์จากการลงทุนอาจไม่แน่นอนเสมอไป อย่างหุ้นไทย ปี 2561 และปี 2563 มีผลตอบแทนขาดทุนถึง -8.08% และ -5.23% ส่วนหุ้นโลกปี 2561 ผลตอบแทนขาดทุนถึง -10.68% เช่นกัน
เลือก โปะหนี้ vs ลงทุน ดี ขึ้นกับหนี้ที่มีและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของแต่ละคน แต่ไม่ว่าทางเลือกไหน หากเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ล้วนช่วยเพิ่มความมั่งคั่งให้กับตนเองได้ทั้งสิ้น