นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่าล่าสุดการรายการการเข้าซื้อทองคำในเดือนตุลาคม ของธนาคารกลางที่ยังคงแข็งแกร่งมียอดรวม 53 ตัน เพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นว่าความต้องการทองคำของธนาคารกลางในปี 2568 มีความแข็งแกร่งตลอดทั้งปี แม้ยอดซื้อสุทธิสะสมตั้งแต่มกราคมถึงตุลาคม จะเป็นอัตราที่ช้าลงเมื่อเทียบกับสามปีที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากราคาทองคำที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่าเทรนด์การซื้อทองคำของธนาคารกลางจะยังคงอยู่ในทิศทางการเข้าซื้อต่อไป
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ราคาทองกลับมาเป็นทิศทางขาขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากหลายปัจจัยประกอบด้วยตลาดคาดการณ์ว่าโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 80% จาก 50% ภายในหนึ่งสัปดาห์ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าที่คาด ตลาดจึงคาดการณ์ว่าเฟดมีแนวโน้มจะกลับไปใช้นโยบายผ่อนคลายมากขึ้น
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน เเอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เปิดเผยว่าทองคำยังได้รับแรงหนุนจากธนาคารกลางจีน (Public Bank of China) ที่เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมาว่าได้เพิ่มการถือครองทองคำขึ้นเป็น 74.09 ล้านทรอยออนซ์ ในเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ถือครองอยู่ที่ 74.06 ล้านทรอยออนซ์ และเป็นการเข้าซื้อต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 ติดต่อกัน สะท้อนว่าความต้องการทองคำของเหล่าธนาคารกลางทั่วโลกยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดรับกับกระแสลดการพึ่งพาดอลลาร์ (De-dollarization) เป็นส่วนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการเร่งตัวของแรงซื้อทองคำจากบรรดาธนาคารกลางทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง นับจากปี 2565 – 2567 ธนาคารกลางเข้าซื้อทองคำมากกว่า 1,000 ตันต่อปี ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงปี 2553 – 2564 ที่ 478 ตันกว่า 2 เท่า
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า YLG ยังมองว่าทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำยังเป็นขาขึ้นอย่างน้อย 2 ปี เนื่องจากปัจจัยบวกสำคัญหลายด้านยังแข็งแกร่ง ทั้งการเข้าซื้อของธนาคารกลางทั่วโลก ความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และสงครามการค้า แต่ปัจจัยที่สำคัญในช่วง 1-2 ปีนับจากนี้น้ำหนักจะอยู่ที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งหากดูจากสถิติในช่วงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดแต่ละครั้งพบว่ามีความสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำไปในทิศทางเดียวกัน หากพิจารณาย้อนหลังนับตั้งแต่ปี 2542 ถึงปัจจุบัน พบว่าเกิดวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด 4 รอบ ดังนี้
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน เเอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เปิดเผยว่าจากต้นปีถึงปัจจุบัน (1 ต.ค. 2568) ราคาทองคำโลกปรับขึ้นมาแล้ว 47% ขณะที่ราคาทองคำแท่งในประเทศปรับขึ้นมาแล้ว 39.6% ซึ่งในปีนี้ราคาทองคำได้ขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ที่ร้อนแรงอย่างมาก จนทำให้เริ่มมีความกังวลว่าทองคำจะเข้าใกล้ภาวะฟองสบู่หรือไม่ ซึ่งหากพิจารณาจากทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคแล้ว จะพบว่าราคาทองคำยังไม่เข้าภาวะฟองสบู่ และยังมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นไปต่อ ทั้งจากแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว แม้ว่าระยะสั้นราคาทองคำปรับตัวขึ้นจนเข้าสู่สภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) จึงต้องระวังแรงขายทำกำไรและแรงขายทางเทคนิคที่จะสลับออกมา
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ราคาทองไทยขึ้นไปทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 57,000 บาทต่อบาททอง ซึ่งถือว่าถึงเป้าหมายแรกของปีนี้ที่ YLG ให้ไว้ที่ 57,000 บาทต่อบาททองคำเรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้นับจากต้นปีจนถึงปัจจุบันราคาทองคำในประเทศพุ่งขึ้นแล้ว 14,350 บาทต่อบาททอง หรือคิดเป็น 33.73%