ผลจากการขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ของ FED เพื่อหวังสกัดเงินเฟ้อเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้กลุ่มหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่มูลค่าลดลงกว่า $1 ล้านล้าน ใน 3 วันทำการ ส่วนหุ้นที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดอย่าง Apple มูลค่าหายไปกว่า $220,000 ล้าน เนื่องจากนักลงทุนหันไปสนใจหุ้นกลุ่มปลอดภัยในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น Campbell Soup, General Mills และ J.M. Smucker แทน
ราคา Bitcoin ในการซื้อขายเมื่อคืนที่ผ่านมาร่วงหนัก หลุด $34,000 แตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน แตะ $33,913 และหากนับตั้งแต่ต้นปีราคา Bitcoin ร่วงลงแล้วกว่า 25% โดย Rick Bensignor อดีตผู้บริหาร Morgan Stanley ระบุว่า ตอนนี้ Bitcoin ขาดแรงหนุนและมีโอกาสที่จะปรับลงแรงกว่าระดับปัจจุบัน
Bill Gates มหาเศรษฐีอันดับ 4 ของโลก (ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน $1.23 แสนล้าน) ยอมรับกังวลดอกเบี้ยขาขึ้นจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ในขณะที่สงครามรัสเซีย-ยูเครน และการระบาด COVID-19 ยังไม่จบง่ายๆ
ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งแรง 3-5% ในการซื้อขายวานนี้ (5 พ.ค.)DJIA ปิดที่ 32,997.91 -1,063.09 จุด (3.12%)S&P500 ปิดที่ 4,146.87 -153.30 จุด (3.56%)Nasdaq ปิดที่ 12,317.69 -647.16 จุด (4.99%)เพียง 1 วันหลังหุ้นพุ่งอย่างแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 2 ปี S&P500 ก็ดิ่งลงหนักสุด ด้วยหุ้นกว่า 95% ซื้อขายในแดนลบ (Alphabet, Apple, Microsoft, Meta, Tesla ร่วงแรง 4.3-8.3%) ส่วน Bitcoin ร่วงลง 10% มากสุดในรอบ 2 เดือนแตะ $36,500 ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะ 3.04% มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2018 เช่นเดียวกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่กลับมาแข็งค่าอีกครั้ง
ตลาดหุ้นสหรัฐบวกราว 3% ในการซื้อขายวานนี้ (5 พ.ค.)DJIA ปิดที่ 34,061.06 +932.27 จุด (2.81%)S&P500 ปิดที่ 4,300.17 +124.69 จุด (2.99%)Nasdaq ปิดที่ 12,964.86 +401.10 จุด (3.19%)หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.5% ซึ่งเป็นการขึ้นดอกเบี้ยแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. ปี 2000 ครั้งเกิดฟองสบู่ดอทคอม และพร้อมขึ้นดอกเบี้ยในระดับนี้ต่อเนื่องในการประชุมครั้งถัดๆ ไป เพื่อรับมือกับเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นแรงที่สุดในรอบ 40 ปี
ผลสำรวจนักลงทุนทั่วโลกรวม 1,087 คน (นักลงทุนรายย่อย, ผู้จัดการกองทุน และนักกลยุทธ์) ที่จัดทำโดย MLIV Pulse พบว่า 74% ยังมั่นใจว่าการลงทุนในหุ้นคุณค่า (Value Stocks) จะชนะการลงทุนหุ้นเติบโต (Growth Stocks) ขณะที่ 26% เชื่อว่าหุ้นเติบโตจะทำผลตอบแทนได้ดีกว่า