×

Wealth Me Up W VDO

ลงทุนนิยม EP.48 : หาหุ้นดีในวิกฤต COVID-19 แบบ VI

 

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…

Facebook | Line | Youtube | Instagram

 

ตลาดหุ้นที่ร่วงลงในช่วง COVID-19 ทำให้หลายคนไม่มั่นใจว่าการปรับฐานครั้งนี้ จะเป็นแค่ชั่วคราว หรือ ถาวร | ถ้าชั่วคราว…เมื่อไหร่จะฟื้น | ถ้าจะฟื้น…จะหาหุ้นดีๆ ในวิกฤตครั้งนี้ยังไง

 

[ลงทุนนิยม x #investnow] ชวนคุยกับคุณนิ้วโป้ง อธิป กีรติพิชญ์ นักลงทุน VI

 

ตลาดหุ้นไทยจะกลับมาหลังวิกฤตมั้ย?

 

ตลาดหุ้นไทยจากต้นปีที่ผ่านมาลดลงมาประมาณสัก 25-30% ซึ่งเป็นการลดลงที่แรงและเร็ว เหมือนที่มีคนพูดว่า ตลาดหุ้น “ขาขึ้น ขึ้นบันได แต่ขาลง ลงลิฟต์” ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปก็คือ Technical Rebound เป็นระยะๆ แล้วก็จะเริ่มหาฐานยืนได้ แล้วก็จะออก Sideways แล้วค่อยๆ Sideways Up เพราะวิกฤตทุกครั้งตลาดหุ้นกลับมาได้เสมอ

 

ปี 1997 คือ วิกฤตต้มยำกุ้ง ใช้เวลา 4 ปีฟื้น เหตุเพราะว่า เป็นการผิดพลาดในเชิงโครงสร้างการเงินจริงๆ // ปี 2015 ตอนราคาน้ำมันลงมาแรงๆ หรือว่าปี 2008 Hamburger Crisis ทั้งสองครั้งฟื้นเป็น V-Shape

 

ดังนั้นไวรัส จะอยู่กับเรา แต่อยู่ได้อีกไม่กี่เดือน ไม่ได้อยู่ตลอดไป เพราะฉะนั้นตลาดหุ้นรอบนี้มั่นใจว่ายังไงก็ฟื้น แต่ว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่เป็นอีกประเด็น

 

 

เงินทุนต่างชาติไหลออก…ปัจจัยกดดัน

 

ปี 2020 นี้ภายใน 3 เดือนแรก ต่างชาติขายไป 1.2 แสนล้าน ซึ่งถ้าต่างชาติขายแรงๆ ขนาดนี้ในระยะเวลาสั้นๆ ย่อมกดดันตลาดหุ้น แต่อย่างไรก็ตาม Fund Flow ที่ต่างชาติขายออกต้องยอมรับว่ารอบนี้เป็นเหมือนกันทั่วโลก

 

 

แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบที่เขาเรียกว่า Bazooka Money คล้ายกับการซ้ำรอยตอนปี 2009 ก็คือปฐมบทของ QE1 ถ้าประวัติศาสตร์ซ้ำรอยแบบนั้น หลังจากที่วิกฤตผ่านไป มันจะมีเงินจำนวนมากที่กลับมาสู่ภาคตลาดทุน

 

ทุกๆ วิกฤติสินทรัพย์ทุกชนิดจะแพงขึ้นเสมอ ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ หุ้น แต่ในบรรดาทุกสินทรัพย์ หลังวิกฤตตัวที่กลับมาแรงที่สุดคือ หุ้น

 

“หุ้นดี” ในวิกฤต

 

ชุดที่ 1 เป็นหุ้นที่เรียกว่า Defensive เป็นหุ้นที่แข็งแกร่ง ผ่านวิกฤตได้ วิกฤตไวรัสกระทบรายได้และกำไรน้อย ยกตัวอย่างเช่น หุ้นที่เกี่ยวกับโครงสร้างฟื้นฐาน โรงไฟฟ้า สื่อสาร โทรคมนาม ประปา เป็นต้น หุ้นกลุ่มนี้ต้องเรียกว่าโดนวิกฤติน้อยถึงน้อยมาก กลุ่มนี้จะฟื้นเร็ว ตอนลงก็ลงไม่เยอะ

 

ชุดที่ 2 Return form Lockdown คือกลับมาหลังจากปลดการ Lockdown เช่น หุ้นห้าง หุ้นร้านอาหาร หุ้นสื่อนอก หุ้นรถไฟฟ้า หุ้นเหล่านี้โดยธรรมชาติเป็นหุ้นแข็งแกร่ง หลายตัวเป็น Growth Stock  ด้วยซ้ำ แต่ด้วยมาตรการ Lockdown, Work From Home  ทำให้คนถูกกักอยู่กับที่อยากจะออกไปใช้เงินก็ไม่ได้ อยากจะเดินทางขึ้นรถไฟฟ้าก็ไม่ได้ อยากจะไปห้างก็ไม่ได้ หลังจาก 45 วันผ่านไป ณ สิ้นเดือนเมษายน ถ้าเราเปิดแล้วเดี๋ยวเรา Social Distance  กันนะ ดูแลตัวเองแล้วก็ให้ความรู้ ใส่ Mask ให้เรียบร้อยมั่นใจว่าหุ้นกลุ่มนี้ จะต้อง Rebound เพราะว่ามันถูกลงมาค่อนข้างเยอะ

 

ชุดที่ 3  Return from Disaster คือกลับมาหลังจากหายนะ คือ ด้วยช่วงเวลาประมาณเดือน 2 เดือนนี้มีหุ้นกลุ่มที่โดนหนักที่สุดคือกลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน สนามบินก็โดนหนัก หรือหุ้นกลุ่มโรงแรม ทั้ง 3 กลุ่มนี้ ต้องเรียกว่าโดนหนัก หุ้นกลุ่มโรงแรมแม้กระทั่งวันนี้ Year to Date ยังลบ 50% หุ้นกลุ่มนี้ ถ้าหลังจากวิกฤติผ่านไปแล้วนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา มีการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ มีการเริ่มทยอยรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมา แล้วก็มีการให้ความรู้การป้องกัน พวกนี้จะ Return from Disaster เพราะว่าตกตะกอนอยู่ที่ระดับที่ค่อนข้างต่ำมาก

 

“หุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง”

 

สิ่งที่กลัวที่สุดคือเรากลัวเรื่องหนี้ เพราะหนี้คือจุดกำเนิด ของวิกฤต Hamburger Crisis เรียกว่าวิกฤตภาคการเงิน ซึ่งจะทำให้ตลาดหุ้นร่วงได้หนักมาก เพราะฉะนั้นหุ้นกลุ่มที่ผูกพันกับหนี้ เราควรจะ Wait and See หรือว่ารอดูก่อน อย่างเช่นสถาบันการเงินซึ่ง ไม่ได้มีฐานทุนที่ใหญ่มากหรือสถาบันการเงินที่คิดดอกเบี้ยสูงๆ แล้วอาจะเจอกับมาตรการภาครัฐที่จะต้องช่วยเหลือกับประชาชนที่ในชั่วโมงนี้ต้องเจอกับดอกเบี้ย 27% 25% ต้องเรียกว่ามีความเสี่ยงทั้งสิ้น นอกจากความเสี่ยงในเชิงของมาตรการภาครัฐในเรื่องดอกเบี้ยแล้ว ยังเจอความเสี่ยงในเรื่องของ NPL ด้วย อาจจะมีคนจำนวนมากที่เราไม่รู้ว่าจำนวนมากแค่ไหน ตอนนี้เรายังอยู่ในเดือนแรกของการ Lockdown อยู่มีคนจำนวนมากที่ไม่สามารถส่งหนี้ได้ เพราะฉะนั้นกลุ่มที่เป็นธุรกิจที่เกี่ยวพันกับหนี้และเป็นห่วงเรื่องหนี้เสีย หลีกเลี่ยงก่อน ก

 

กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มที่ลูกค้าต้องไปก่อหนี้มาเพื่อซื้อ เช่น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ลองนึกดูหลังวิกฤติ COVID-19 ซึ่งเงินสดอาจจะหายากการที่ใครสักคนจะไปขอกู้แบงก์เพื่อซื้อบ้านจำนวนของมันอาจจะลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ หุ้นอสังหาริมทรัพย์ตอนนี้ถูกไหม? ถูก P/E ดูต่ำไหม? ดูต่ำ ปันผลดูสูงไหม? ปันผลดูสูงแต่มันเป็น Earnings ของปีที่แล้ว แต่นับจากปีนี้เป็นต้นไปยอดขายอาจจะฝืดนิดนึง เพราะฉะนั้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ คือกลุ่มที่ต้องพึงพาให้ลูกค้าก่อหนี้เพื่อมาซื้อสินค้า อาจจะมีผล

 

กลุ่มหุ้นตัวกลาง ตัวเล็ก ที่มีค่า Debt to Equity หรือหนี้สินตัวต่อส่วนทุนเกิน 2 เท่าขึ้นไป คือมีใน Capital Structure ในโครงสร้างการเงินใช้หนี้สินมากกว่า Equity หรือส่วนทุน เกิน 2 ต่อ 1 แบบนี้จะต้องแบกดอกเบี้ยจ่าย ในช่วงเวลาที่เงินอาจจะฝืดเคืองนิดหนึ่ง ซึ่งตัวนี้ดอกเบี้ยจ่ายจะเป็นภาระใน Income statement  งบการเงิน

 

การลงทุนคือวิ่งมาราธอน

 

การลงทุนคือการวิ่งมาราธอน สมมุติว่ามีเงินทุนมากพอสมควร ก็สามรถทยอยเก็บหุ้น Good Stock at Good Price ได้ แต่อย่าใช้เงินร้อนลงทุน อย่าใช้เงินสดที่ท่านไม่สามารถห่างจากมันไปได้ อย่าใช้ค่าเทอมของลูกเทอมหน้า อย่าใช้เงินภรรยาในเดือนหน้า เอามาลงทุนหรืออย่าไปกู้มาลงทุนตอนนี้ เพราะว่าจริงอยู่มันถูก แต่เราไม่รู้ว่าใช้เวลานานเท่าไหร่ในการจะฟื้น ถ้าฟื้น V-Shape เรารอด เรารวย แต่ถ้าเป็น U-Shape เราจะอึดอัดแล้วก็จะเครียดมาก เพราะฉะนั้นลงทุนให้สบายใจ รอบนี้เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสแล้วก็ทำความมั่งคั่งกับตลาดหุ้น

 

#WealthMeUp

 

ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก  https://setga.page.link/p9PTG1qCcZcjG63aA

Related Stories

amazon anti fatigue mats