เงินไม่พอจ่ายเบี้ยประกันทำยังไงดี
ประกันชีวิตเป็นสัญญาระหว่างเราในฐานะผู้เอาประกันกับบริษัทประกันชีวิตในฐานะผู้รับประกัน ดังนั้นเมื่อเป็นสัญญา ต่างฝ่ายต่างมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามสัญญา ผู้เอาประกันมีหน้าที่ต้องจ่ายเบี้ยตามจำนวนและในเวลาที่กำหนด ส่วนบริษัทประกันก็มีหน้าที่ต้องให้ผลตอบแทนและความคุ้มครองตามเงื่อนไขที่กำหนดในกรมธรรม์
แต่เนื่องจากประกันชีวิตส่วนใหญ่เป็นสัญญาระยะยาวคือ อายุกรมธรรม์ 10 ปีขึ้นไป เพราะเบี้ยประกันสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 100,000 บาท ดังนั้น จึงเป็นไปได้มากที่ตอนทำประกัน เราคิดว่ามีเงินพอจ่ายเบี้ย แต่พอผ่านไปสักระยะกลับมีเงินไม่พอ ไม่ว่าจะมาจากรายได้ที่ลดลง หรือ ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ฯลฯ ซึ่งหากเงินไม่พอชำระเบี้ย ก็ยังมีทางออกถึง 9 วิธีด้วยกัน
1.จ่ายเบี้ยประกันในระยะเวลาผ่อนผัน
โดยปกติกรมธรรม์ประกันชีวิตจะมีระยะเวลาผ่อนผัน 31 วัน นับแต่วันครบกำหนดชำระเบี้ย ดังนั้นหากเราไม่สามารถชำระเบี้ยประกันได้ในวันที่ครบกำหนดชำระเบี้ย เรายังมีเวลาอีก 31 วันที่จะหาเงินมาชำระค่าเบี้ยประกันภัยได้
2. กู้อัตโนมัติ
จะเกิดขึ้นเมื่อพ้นระยะเวลาผ่อนผันแล้ว หากเรายังไม่ได้ชำระเบี้ย แต่กรมธรรม์ประกันของเรามีมูลค่าเวนคืนเงินสด มากกว่าเบี้ยที่ต้องชำระ บริษัทประกันจะกู้มูลค่าเงินสดมาชำระเบี้ยให้เราโดยอัตโนมัติ เพื่อให้เราได้รับความคุ้มครองเหมือนเดิม และจะเริ่มคิดดอกเบี้ยตามอัตราที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ปกติเท่ากับอัตราดอกเบี้ยที่ใช้คำนวณเบี้ยประกัน (ดูได้จากหน้ากรมธรรม์) บวก 2%
3.เปลี่ยนงวดการชำระเบี้ยประกัน
ถ้าจ่ายเบี้ยประกันเป็นรายปีไม่ไหวเพราะเยอะเกินไป ลองแบ่งจ่ายรายเดือน ราย 3 เดือน หรือ ราย 6 เดือนดูก็ได้ เบี้ยประกันที่จะต้องจ่ายในแต่ละงวดจะน้อยลง แต่เบี้ยประกันรวมในแต่ละปีจะสูงกว่าการชำระปีละครั้ง และเมื่อฐานะการเงินดีขึ้น เราก็สามารถเปลี่ยนมาชำระเป็นรายปีได้เหมือนเดิมในปีถัดไป
4. ลดจำนวนเงินเอาประกัน
ในการทำประกันชีวิตนั้นถ้าจำนวนเงินเอาประกันสูง เบี้ยก็จะสูงตามไปด้วย ดังนั้นเมื่อลดจำนวนเงินเอาประกันลง เบี้ยที่ต้องจ่ายก็จะลดลงด้วย
5.ตัดสัญญาเพิ่มเติมบางอย่างออกไป
อย่างเช่น คุ้มครองโรคร้ายแรง หรือ ลดขนาดความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมลง เช่น ลดค่าห้อง เป็นต้น เพื่อลดค่าเบี้ยลง
6. เปลี่ยนแบบการประกันชีวิต
การเปลี่ยนแบบประกันชีวิตที่มีผลประโยชน์ลดลง ก็จะช่วยให้เบี้ยที่จะต้องจ่ายลดลง แต่อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกแบบประกันที่เราสามารถเปลี่ยนแบบได้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแบบประกัน และการเปลี่ยนแบบเราควรจะต้องดูว่าแบบประกันใหม่ตรงกับความต้องการของเราหรือไม่
7.แปลงกรมธรรม์เป็นกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ
วิธีนี้เราหยุดจ่ายเบี้ยเลย ไม่ต้องจ่ายเบี้ยต่อไป กรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จมีระยะเวลาเอาประกันชีวิตเท่าเดิม แต่จำนวนเงินเอาประกันชีวิตจะเปลี่ยนเป็นมูลค่าใช้เงินสำเร็จตามที่กำหนดไว้ในตารางมูลค่ากรมธรรม์
8. แปลงกรมธรรม์เป็นแบบขยายระยะเวลา
วิธีนี้เราหยุดจ่ายเบี้ยเลยเช่นกัน แต่กรมธรรม์จะเปลี่ยนเป็นแบบขยายเวลา จำนวนเงินเอาประกันเท่าเดิม แต่จำนวนปีที่คุ้มครองลดลง
9.เวนคืนหรือปิดกรมธรรม์
คือ ขอยกเลิกประกันชีวิต โดยจะได้รับเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ตามจำนวนที่กำหนดไว้ในตารางมูลค่ากรมธรรม์ ซึ่งโดยทั่วไปจะน้อยกว่าเบี้ยที่จ่ายไป
กด Subscribe รอเลย…