1O หุ้นสหรัฐฯ ราชาแห่งเงินปันผล
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
หุ้นที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ มักเป็นหุ้นที่มีการดำเนินธุรกิจและขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ สังเกตได้จากยอดขายและกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าเศรษฐกิจจะอยู่ในภาวะตกต่ำหรือมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
การที่หุ้นสามารถจ่ายเงินปันผล 10 ปีต่อเนื่องก็ถือว่าน่าสนใจแล้ว แต่มีหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา 42 ตัวที่จ่ายเงินปันผลติดต่อกันเกิน 50 ปี ซึ่งหมายถึงบริษัทที่มีประวัติยาวนานในการจ่ายเงินปันผลและจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ให้ผู้ถือหุ้น โดยบริษัทที่มีประวัติการจ่ายเงินปันผลเป็นเวลาอย่างน้อย 50 ปี จะถูกนิยามว่าเป็น “ราชาแห่งเงินปันผล” (Dividend Kings)
หุ้นที่จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ ถือเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคงช่องทางหนึ่ง ซึ่งถ้าค้นเจอบริษัทประเภทนี้ก็ไม่ควรปล่อยให้หลุดมือ เพราะจะกลายเป็นขุมทรัพย์ที่จะสร้างผลตอบแทนในรูปเงินปันผลในระยะยาว และถ้าให้เอ่ยถึงประโยชน์หุ้นจ่ายเงินปันผลคร่าวๆ มีดังนี้
ความมั่นคง
การที่หุ้นมีประวัติการจ่ายเงินปันผลมาอย่างยาวนานและมีการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นสม่ำเสมอ ทำให้นักลงทุนรู้สึกถึงความมั่นคงและความน่าเชื่อถือกับการดำเนินธุรกิจ
ศักยภาพในการเติบโต
โดยทั่วไปแล้วหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ มักเป็นบริษัทที่มีศักยภาพการดำเนินธุรกิจและการทำกำไรที่แข็งแกร่ง ขณะเดียวกันประวัติการจ่ายเงินปันผลที่ยาวนานยังบ่งบอกถึงศักยภาพการเติบโตในอนาคต จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนระยะยาว
ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
การจ่ายเงินปันผลสามารถช่วยป้องกันเงินเฟ้อในระยะยาวได้ เมื่อนักลงทุนได้รับเงินปันผล ย่อมหมายถึง รายได้มั่นคงและสามารถนำไปใช้จ่าย โดยไม่ต้องกังวลว่าราคาสินค้าและบริการจะปรับสูงขึ้นในอนาคต
เพิ่มความยืดหยุ่น
การถือหุ้นปันผลจะเพิ่มความยืดหยุ่นในการลงทุน เพราะเมื่อได้เงินปันผลแล้วก็สามารถนำไปลงทุนต่อในหุ้นหรือสินทรัพย์อื่นๆ ตามที่วางแผนไว้
สำหรับหุ้นที่จ่ายเงินปันผลมาอย่างยาวนานและรักษาประวัติที่ดีหรือรักษาการเติบโตของเงินปันผลต่อไปได้ มักเป็นบริษัทที่สร้างกระแสเงินสดและคาดการณ์ได้ค่อนข้างสม่ำเสมอ ซึ่งธุรกิจที่มีการเติบโตต่อเนื่องมักมีคุณสมบัติ ดังนี้
โมเดลธุรกิจที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต
ธุรกิจที่สามารถเติบโตได้อย่างสม่ำเสมอมีประสิทธิภาพมักเป็นธุรกิจที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก ที่สำคัญเป็นธุรกิจที่ประชาชนมีความต้องการใช้ตลอดเวลา ถึงแม้ราคาจะเพิ่มสูงขึ้นแต่ความต้องการซื้อก็ไม่ได้รับผลกระทบ พูดง่ายๆ ไม่ว่าเศรษฐกิจสดใสหรือซบเซา เกิดภาวะสงคราม ประชาชนก็ต้องกินต้องใช้ เช่น ธุรกิจสาธารณูปโภค (ไฟฟ้า น้ำ อาหาร)
รายได้สามารถคาดการณ์ได้
เมื่อเป็นธุรกิจที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตก็ย่อมสามารถประเมินรายได้ในอนาคตได้ค่อนข้างแม่นยำ ขณะเดียวกันก็ประเมินต้นทุนการดำเนินงานได้ไม่ยาก ดังนั้น นักลงทุนก็ประเมินได้ว่าในอนาคตบริษัทจะมีความสามารถจ่ายเงินปันผลได้มากน้อยแค่ไหน