ข่าวสั้น ทันเศรษฐกิจ 12 ก.ค. 6O

ผู้นำไอเอส เสียชีวิต

กลุ่มเฝ้าระวังสิทธิมนุษยชนซีเรีย ซึ่งติดตามสถานการณ์สงครามในซีเรียว่ากลุ่มเฝ้าระวังสิทธิมนุษยชนซีเรียได้รับข้อมูลจากแกนนำระดับสูงของกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส)ในจังหวัดเดียร์ ยืนยันเรื่องการเสียชีวิตของนายอาบู บัคร์ อัลบักห์ดาดี ผู้นำกลุ่มไอเอสชาวอิรักวัย 46 ปีในวันนี้ หรือหนึ่งวันหลัง

ก่อนหน้านี้มีข่าวลือเรื่องการเสียชีวิตของผู้นำกลุ่มไอเอส มาตลอด 2-3 เดือน ผู้นำกลุ่มไอเอสไม่เคยปรากฏตัวต่อสาธารณชนอีกเลยหลังการแถลงต่อสาธารณชนครั้งเดียวเพื่อประกาศจัดตั้งรัฐอิสลามที่มหามัสยิดอัลนูรีในเมืองโมซุลในปี 2557

คุมเข้มสินเชื่อบุคคล ธปท.สกัดก่อหนี้

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ว่า อยู่ระหว่างจัดทำแนวทางเพื่อควบคุมสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล โดยมีความเป็นไปได้ที่จะปรับเพดานการปล่อยสินเชื่อตามฐานเงินเดือนเป็นขั้นบันได ตั้งแต่ 1.5-5 เท่าของเงินเดือน

ผู้มีรายได้ไม่เกินเดือนละ 3 หมื่นบาท จะถือบัตรเครดิตได้ไม่เกิน 3 ให้วงเงินได้สูงสุด 1.5 เท่าของรายได้ คิดดอกเบี้ยได้ไม่เกิน 18% จากเดิมไม่เกิน 20%

ดีมานด์เทียมป่วน ทิ้งดาวน์คอนโดพุ่ง

บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังคงเห็นการจองซื้อคอนโดมิเนียมแต่ไม่ได้อยู่อาศัยจริงหรือดีมานด์เทียม เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในโครงการคอนโดที่ประกาศปิดการขายไปแล้ว ซึ่งหลายโครงการมีดีมานด์เทียมสูงถึง 40-50%

เนื่องจากกลุ่มนักลงทุนโดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนจากประเทศจีน บางส่วนเริ่มทิ้งเงินดาวน์โครงการ เนื่องจากไม่ได้ผลตอบแทนตามที่โครงการและเอเยนต์รับประกันไว้

ค่าไฟงวดใหม่ส่อขึ้น 7-8สต.เสนอ ‘กกพ.’เคาะ 12 ก.ค.นี้

แนวโน้มค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(เอฟที)งวดใหม่ (กันยายน-ธันวาคม 2560) จะปรับขึ้นประมาณ 7-8 สตางค์ต่อหน่วย จากเดิมคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นกว่า 10 สตางค์ต่อหน่วย

เนื่องจากทิศทางค่าเงินบาทแข็งค่าเพิ่มขึ้นจากงวดก่อนที่เฉลี่ย 35.19 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ทำให้สามารถลดต้นทุนได้ โดยทุก 1 บาท ที่แข็งค่าจะทำให้เอฟทีลดลง 5-6 สตางค์ต่อหน่วย

อย่างไรก็ตาม เอฟทีที่เพิ่มขึ้น ปัจจัยสำคัญมาจากราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักของการผลิตไฟที่สะท้อนราคาน้ำมันย้อนหลัง 8-12 เดือนมีราคาปรับขึ้นกว่า 250 บาทต่อล้านบีทียู

จีนยืนยันควบคุมความเสี่ยงภาคธนาคารอยู่หมัด

รองประธานคณะกรรมการกำกับดูแลธนาคารจีนเผย ความเสี่ยงต่างๆในภาคธนาคารนั้น สามารถควบคุมได้ แม้ว่าจะมีปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆนานา โดยได้มีการดำเนินการผ่านช่องทางเพื่อลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ รวมทั้งการควบคุมการฝ่าฝืนกฎในตลาดการเงิน

ในขณะที่การแข่งขันก็เป็นไปอย่างสมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้น และการดำเนินการธุรกิจก็อยู่ในสภาพที่เป็นปกติมากยิ่งขึ้นเช่นกัน ส่วนการระดมทุนอย่างผิดกฎหมายนั้นก็ลดลงไปมาก

อัตราหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารจีน อยู่ที่ 1.86% ในช่วงสิ้นเดือนพ.ค. โดยสภาพคล่องนั้นมีเสถียรภาพ ส่วนเงินทุนก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก

#WealthMeUp

ที่มา: โพสต์ทูเดย์, อินโฟเควส์, ศูนย์ข่าวแปซิฟิก, แนวหน้า
ภาพ: vid.alarabiya.net