คาถากันถูกหลอกลงทุน
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
ใกล้ฤดูเกษียณอายุ หลายองค์กรจัดกิจกรรมสำหรับคนเกษียณกัน ซึ่งกิจกรรมยอดฮิตอย่างหนึ่งคือการให้ความรู้เรื่องวางแผนการเงินเพื่อวัยเกษียณ ที่เมื่อรู้แล้ว หลายคนถึงกับตัดพ้อว่า “ ทำไมเพิ่งมาบอกตอนนี้ น่าจะบอกเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แทนที่จะเกษียณสุขก็กลายเป็นเกษียณทุกข์ไปเสียนี่” แถมเผลอๆ เพราะอยากมีเงินใช้มากๆ ยามบั้นปลายชีวิต คนวัยเกษียณจำนวนไม่น้อยต้องตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพหลอกลงทุนอีกต่างหาก
ความจริงเรื่องมีเงินไม่พอใช้ยามเกษียณเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนเกษียณส่วนใหญ่ของไทย โดยจากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2557 พบว่าแหล่งรายได้หลักในการดำรงชีวิตของผู้สูงอายุมาจาก
- ได้รับจากบุตร 36.7%
- รายได้จากการทำงานของผู้สูงอายุเอง 33.9%
- เบี้ยยังชีพจากราชการ 14.8%
- เงินบำเหน็จ บำนาญ 4.9%
- จากคู่สมรส 4.3%
- ดอกเบี้ยเงินออมและการขายสินทรัพย์ที่มีอยู่ 3.9%
จะเห็นว่ามีแค่ประมาณ 4% ของคนเกษียณเท่านั้นที่มีเงินเก็บมากพอสำหรับใช้จ่ายยามเกษียณ
เหตุผลดังกล่าวทำให้คนเกษียณอายุส่วนใหญ่รู้สึกกังวลใจ กลัวจะมีเงินไม่พอใช้ยามเกษียณจึงพยายามมองหาช่องทางการออมที่ให้ผลตอบแทนสูงและมีความเสี่ยงต่ำ จนหลายๆครั้งมองข้ามความจริงไปว่า “ที่ใดให้โอกาสของผลตอบแทนสูง มักจะมีความเสี่ยงสูง”
ดังนั้นสิ่งที่มองหาจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง และเมื่อกลัวประกอบกับการที่มีเงินสดในมือเยอะจากเงินออมยามเกษียณไม่ว่าจะเป็น กบข. หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือเงินชดเชยที่ได้จากองค์กรที่ทำงานอยู่ คนเพิ่งเกษียณจึงมักเป็นเป้าหมายของพวกมิจฉาชีพที่จะหลอกเอาเงินออมก้อนสุดท้ายของชีวิตไป ดังตัวอย่างที่เห็นจากกรณีหลอกลวงทางการเงินที่ผ่านๆมา เหยื่อส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ที่เกษียณอายุ
คาถาบทหนึ่งที่อยากฝากไว้สำหรับคุ้มครองตนเองไม่ให้เป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ก็คือ “อะไรก็ตามที่เหลือเชื่อ อย่าไปเชื่อ” ไม่เฉพาะกับคนเกษียณแต่กับทุกคนเลย
ตัวอย่างกรณีแชร์ลูกโซ่อันหนึ่งในอดีตที่ถูกดำเนินคดีไปแล้ว การันตีผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนที่อัตรา 8% ต่อเดือน หรือ 96% ต่อปี
ถามดูง่ายๆมีการลงทุนไหนที่ให้ผลตอบแทนสูงขนาดนี้โดยไม่มีความเสี่ยง และหากทำได้จริง ลองคิดสักนิด ทำไมคนส่วนใหญ่ไม่รู้จักการลงทุนแบบนี้ ทำไมคนเก่ง คนมีเงินหลายคนถึงไม่สนใจ หรือไม่รู้จัก ทั้งที่พวกเขาเหล่านั้นมีช่องทางในการลงทุนมากกว่าคนทั่วไปเสียอีก
อีกอย่างคนไทยมีความรู้เรื่องการเงินน้อยกว่าต่างประเทศมาก ทำไมถึงสามารถคิดค้นการลงทุนที่ดีขนาดนี้ได้ โดยที่ประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ประเทศในยุโรป ฯลฯ คิดไม่ได้ และการลงทุนดีขนาดนี้ ทำไมยังมีคนยอมเสี่ยงเอาเงินไปลงทุนในหุ้นอยู่อีก ฯลฯ
หากคิดเหตุผลพื้นฐานแค่นี้ก็พอจะมองออกว่า การลงทุนนั้นเป็นของจริงหรือของปลอม ข่าวร้ายก็คือ ปัจจุบันการลงทุนของปลอมยังมีเยอะมาก โดยเฉพาะในสื่ออินเทอร์เน็ต
สิ่งสำคัญสำหรับการป้องกันไม่ให้เป็นเหยื่อก็คือ “สติ” และศึกษาหาความรู้ หาข้อมูลก่อนลงทุนตามคำเตือนของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน”
แค่นี้ก็จะเห็นแล้วว่า ข้อมูลและความรู้เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการลงทุน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องลงทุนตามคนอื่น สิ่งสำคัญคือต้องลงทุนในสิ่งที่เรามีความรู้จะดีกว่า