BE DIFFERENTIATED : “จงแตกต่าง” ถ้าอยากสำเร็จ

 

ในยุคที่อนาคตมาเร็วกว่าที่คิด มองซ้าย แลขวารอบตัว แบรนด์สินค้าและบริการต่างๆ เริ่มคล้ายกัน ไม่แตกต่าง และแทบแยกกันไม่ออกเหมือนสมัยก่อน ดูง่ายๆ อย่างโทรศัพท์มือถือ บางยี่ห้อ บางรุ่น ราคาหลักพัน แต่หน้าตาและฟังก์ชั่นก็ไม่ต่างจากรุ่นหลักหมื่นสักเท่าไร เพราะเทคโนโลยีสมัยนี้เลียนแบบกันง่าย บางครั้งผลิตจากโรงงานเดียวกันเลยก็มี

 

ในแง่ของ “คน” ก็เหมือนกัน แต่ละปีมีผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรีในไทยประมาณ 3-4 แสนคน เข้าสู่ตลาดแรงงานได้ 2 แสนกว่าคนเท่านั้น นั่นแปลว่า อีกแสนกว่าคนต้องตกงานทุกปี ยิ่งเศรษฐกิจชะลอตัว โอกาสได้งานยิ่งยากเข้าไปใหญ่ เด็กรุ่นใหม่เลยหันมาเปิดธุรกิจส่วนตัวแนวสตาร์ทอัพ (Start Up) กันมากขึ้น

 

แต่รู้ไหม? ว่ากันว่าในจำนวนธุรกิจสตาร์ทอัพทุกๆ 10 ราย จะมีเพียง 1-2 รายเท่านั้นที่อยู่รอด นั่นหมายความว่าเกือบ 90% ของธุรกิจสตาร์ทอัพไปไม่รอด!

 

แล้วอะไรล่ะ? คือทางออกสำหรับอนาคตของคนรุ่นหนุ่มสาว

 

ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไร จะเป็นลูกจ้างหรือผู้ประกอบการ สิ่งแรกที่ต้องค้นให้เจอคือ “ความแตกต่าง” (Differentiation) ต้องถามตัวเองให้ชัดว่า อะไรเป็นสิ่งที่คุณถนัดและทำได้ดีกว่าคนอื่น แม้ว่าความสามารถนี้อาจเลียนแบบกันได้ แต่ถ้าเป็นผลงานที่มาจากคุณแล้วล่ะก็ ลูกค้าก็พร้อมและเต็มใจที่จะซื้อมากกว่าของคนอื่น

ความแตกต่างนี้เองที่จะทำให้คุณมีจุดยืน (Market Position) ในสนามแข่งขันที่สับสนวุ่นวาย ไม่ต้องไปเบียดแย่งตำแหน่งกับคนอื่นให้เหนื่อย แถมยังเป็นที่จดจำของผู้คนได้ง่ายและดีกว่าด้วย

การจะหาความแตกต่างให้เจอ ต้องใช้กลยุทธ์ “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” ที่เป็นยุทธวิธีในการเอาชนะข้าศึกสุดคลาสสิกของซุนวู..

 

“รู้เขา” | รู้จักคู่แข่งให้ลึกซึ้ง

ในทุกสนามรบ สิ่งแรกที่ต้องทำความรู้จักและเข้าใจให้ลึกซึ้งคือ “คู่แข่งขัน” ยิ่งรู้จักมาก ยิ่งมีหนทางในการสร้างความได้เปรียบมากขึ้น แต่ถ้าไม่รู้จักเลย นั่นก็ไม่ต่างจากการเดินปิดตาเดินเข้าไปทำสงคราม

 

“รู้เรา” | รู้จุดแข็ง จุดอ่อนของตัวเอง

เมื่อรู้เขาแล้ว ต้องลองมองย้อนกลับมาที่ “ตัวเอง” ด้วยว่า ตัวเราเองเก่งอะไร ถนัดอะไร อะไรเป็นจุดแข็ง ที่จะใช้เป็นอาวุธหรือท่าไม้ตายในการแข่งขันได้ อีกทั้งต้องรู้จุดอ่อนของตัวเองด้วย เพื่อหาทางปิดและป้องกันไม่ให้คู่ต่อสู้โจมตีได้

 

“หาตำแหน่ง” | ที่มีเพียงคุณเท่านั้นที่ทำได้

เมื่อ รู้ทั้งเขาและรู้ทั้งเราแล้ว สิ่งสุดท้ายที่ต้องทำคือ หาตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด (Place yourself in the winning position) โดยตำแหน่งนี้จะเป็นจุดที่ “มีเพียงคุณเท่านั้น” ที่ทำได้ หรืออาจจะเรียกว่าเป็น “จุดไร้พ่าย” ของตัวคุณนั่นเอง  ตัวอย่างเช่น ร้าน After You วางตำแหน่งของร้านว่าเป็นร้านที่มีขนมปัง “Shibuya Honey Toast” ที่อร่อยที่สุดในประเทศไทย เจ้าไหนๆ ก็สู้ไม่ได้ ถ้าจะกินต้องมากินที่นี่ที่เดียวเท่านั้น จนทำให้ต้องกดคิวต่อแถวรอเรียกทุกครั้งเมื่ออยากกิน

 

เห็นไหมว่า ถ้าวางตำแหน่งของตัวเองได้ดี ใครก็ทำอะไรเราไม่ได้

 

อย่างไรก็ดี “ความแตกต่าง” ในวันนี้ อาจกลายเป็น “ความธรรมดา” ในวันพรุ่ง จงเตรียมพร้อมรับกับความเปลี่ยนแปลงและหมั่นพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง เพื่อรักษาจุดที่ “มีเพียงคุณเท่านั้น” ที่ทำได้ ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอีกสักเท่าใด

 

#WealthMeUp

 

กด Subscribe รอเลย…

Facebook | Line | Youtube | Instagram