รู้หรือไม่ ทำไมหุ้นบางตัวต้องเปลี่ยนชื่อ
มีหุ้นหลายตัวในตลาดหลักทรัพย์ ที่ผ่านการเปลี่ยนชื่อมาแล้วหลายครั้ง โดยพบว่าในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา (2554 – 2560) มีบริษัทเปลี่ยนแปลงชื่อย่อทั้งหมดถึง 58 บริษัท และในจำนวนนี้มี 10 บริษัท ที่ปัจจุบันไม่ได้ซื้อขายอยู่ในตลาดแล้ว
บล.ทรีนีตี้ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า การเปลี่ยนชื่อย่อหุ้น หากย้อนกลับไปดูข้อมูลย้อนหลัง พบว่าสาเหตุของการเปลี่ยนชื่อมีอยู่ 2 ลักษณะ
1. เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ
และไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก เป็นเพียงแค่ลดทอนตัวอักษรบางตัวออกไปหรือเปลี่ยนเพื่อให้ดูใกล้เคียงชื่อเต็มของบริษัทมากกว่าเดิม เช่น ธนาคารเกียรตินาคิน มีชื่อย่อว่า KKP จากเมื่อก่อนที่ใช้ชื่อย่อ KK ก็ยังสอดคล้องกับชื่อบริษัท และไม่ได้เปลี่ยนรูปแบบไปมากนัก
2. เพื่อโหงวเฮ้งหรือหลีกหนีอดีตตัวเอง
โดยหลักๆ แล้วการเปลี่ยนชื่ออาจจะมีเหตุผลมาจากการควบรวมกิจการ หรือเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารหรือโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ หรือบางบริษัทต้องการเปลี่ยนเพื่อหนีอดีตตัวเอง ดังนั้น ชื่อย่อใหม่จึงไม่มีความสอดคล้องใกล้เคียงกับชื่อย่อเดิม
ยกตัวอย่าง AQ เมื่อก่อนมีชื่อย่อว่า KMC ซึ่งเดิมเป็น บมจ.กฤษฎามหานคร บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2534 และถือว่าเป็นดาวรุ่งในวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จนกระทั่งเกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ธุรกิจได้รับความเสียหายจนมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น ส่งผลให้ความเป็น KMC จบลงในปี 2556 หลังมีการเพิ่มทุนและเปลี่ยนโครงสร้างการบริหาร จนกระทั่งเดือนเมษายนปี 2557 KMC เปลี่ยนชื่อย่อเป็น AQ เป็นการเปลี่ยนเพื่อภาพลักษณ์องค์กร แต่ในปัจจุบัน AQ ยังคงมีปัญหาภายในที่รอการแก้ไข และถูกขึ้นเครื่องหมาย SP (Suspension) ระงับการซื้อขาย มาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2558
ตัวอย่างถัดมา บริษัทที่มีการเปลี่ยนชื่อบริษัทมาแล้วถึง 3 ครั้ง คือ บมจ.โพลาริส แคปปิตัล ได้เปลี่ยนมาจาก LL มาเป็น WAT ในปี 2556 และเปลี่ยนจาก WAT เป็น POLAR ในปี 2558 ซึ่งปัจจุบัน POLAR ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP และล่าสุดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา สำนักงาน ก.ล.ต. ได้ออกจดหมายถึง POLAR ให้เร่งส่งรายงานการตรวจสอบที่เกี่ยวกับที่มาและความมีอยู่จริงของการบันทึกบัญชี และการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับหนี้สินที่ POLAR เคยแจ้งไว้ในคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ เพราะข้อมูลหนี้สินที่บริษัทเคยรายงานไว้แตกต่างต่างจากมูลหนี้ในคำร้องฟื้นฟูกิจการ
แม้ว่าการเปลี่ยนชื่อ อาจไม่ได้ส่งผลต่อปัจจัยพื้นฐาน แต่ลงทุนก็ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ว่าปัญหาในอดีตที่เคยเกิดขึ้นของบริษัทนั้น มีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่ทีมผู้บริหารใหม่จะแก้ไขได้ หรือผู้บริหารทีมใหม่มีประวัติเป็นอย่างไร มีความตั้งใจแค่ไหนในการปรับโครงสร้างบริษัทใหม่ ซึ่งก็ต้องศึกษาเรื่องราวอดีต และข้อมูลปัจจุบันก่อนตัดสินใจลงทุน
กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram