ลงทุนหุ้น สไตล์มินิมอล
ผู้เขียนรู้จักรุ่นพี่คนหนึ่ง อดีตเป็นมาร์เก็ตติ้งที่โบรกเกอร์แห่งหนึ่ง แต่ตอนนี้ลาออกมาเป็นนักลงทุนหุ้นไทยเต็มตัว วันหนึ่งเจอกันจึงถามรุ่นพี่คนนี้ไปว่า
“ตอนนี้พี่มีหุ้นในพอร์ตกี่ตัว”
“14 ตัว” เป็นคำตอบที่ทำให้คนถามอ้าปากค้าง
การมีหุ้นหลายตัว เป็นเพราะพี่เขาเน้นลงทุนระยะสั้นๆ ซื้อมาแล้วก็ขายไป วันต่อวัน เงินต่อเงิน
“อย่างว่ามีหุ้นบางตัวทำกำไร บางตัวก็ขาดทุน ก็ถัวๆ กันไป”
สรุปคือ เพื่อกระจายความเสี่ยง
ตัวอย่างของรุ่นพี่คนนี้ ในมุมมองของผู้เขียน พี่เขากำลังสูญเสียบางอย่าง
1.เวลา
หมดไปกับดูข้อมูล
หมดไปกับการคัดเลือกหุ้น
หมดไปกับอารมณ์เสีย ถ้าซื้อหรือขายไม่ได้ดั่งใจ
หมดไปกับความหงุดหงิดกับมาร์เก็ตติ้ง
หมดไปกับการระงับอารมณ์เสีย
หมดไปกับการแก้ปัญหา ถ้าเกิดขาดทุน
หมดไปกับการหาหุ้นตัวใหม่เข้ามาแทน
2.สิ่งรบกวนรอบด้าน
ถ้ามีหุ้นในพอร์ตเยอะๆ เวลาอยู่หน้ากระดานหุ้น หน้าจอคอมพิวเตอร์ ก็ต้องหูไว ตาไว จมูกไว ยิ่งมีหุ้นมากเท่าไหร่ ยิ่งต้องตื่นตัวตลอดเวลา หูตาต้องเป็นสัปปะรด การตัดสินใจต้องรวดเร็ว
“หุ้นตัวนี้ดีนะ ซื้อยัง”
“หุ้นที่ซื้อเมื่อวานขายยัง เห็นข่าวไม่ดีนี่”
“มีข่าวว่าหุ้นที่ซื้อ กำลังควบรวมกิจการ”
“เกาหลีเหนือ ยิงขีปนาวุธอีกแล้ว”
…และอื่นๆ อีกล้านแปดที่กรอกเข้ามาในหู
ดังนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่ารุ่นพี่คนนี้กำลังถูกคุกคามจากสิ่งรอบด้าน มีทั้งเรื่องจริง จริงบ้างไม่จริงบ้าง และเรื่องเท็จ คำถามคือ สามารถคัดกรองข้อมูลได้สมบูรณ์แบบหรือไม่
ในทางกลับกัน ถ้ารุ่นพี่ตอบว่า “พี่มีหุ้นในพอร์ต 4 ตัว ซึ่ง 3 ตัวแรกมีเป้าหมายถือเอาไว้เพื่อเก็บปันผลกินและตอนนี้กำลังออกดอกออกผล ส่วนอีกตัวเอาไว้เล่นสั้นๆ เป็นการติดตามตลาดไปในตัว” สิ่งที่พี่เขาจะได้รับกลับมา คือ
1.เวลา
มีเวลาดูแลหุ้นเหลือเฟือ
มีเวลาตัดสินใจซื้อหรือขายหุ้นเยอะมากขึ้น
มีเวลาไปทำอย่างอื่น ท่องเที่ยว ศึกษาวิเคราะห์ข้อมูล
มีเวลาแก้ปัญหาถ้าหุ้นที่ซื้อเริ่มไม่ใช่
มีเวลาหาหุ้นตัวใหม่เข้ามาแทน
2.สิ่งรบกวนลดลง
เมื่อมีหุ้นน้อยตัวและเป็นหุ้นที่คัดมาแล้วว่าไว้ใจได้ก็ไม่ต้องไปสนใจกับสิ่งรอบด้าน เช่น ข่าวลือต่างๆ หรือคำแนะนำจากคนรอบข้าง หรือกังวลการตัดสินใจซื้อหรือขายหุ้นที่กำลังเป็นกระแสในวันนั้นๆ จากคำโฆษณาชวนเชื่อของใครก็ไม่รู้
ที่สำคัญไม่ต้องคอยเปรียบเทียบพอร์ตหุ้นกับคนอื่นๆ และไม่ต้องคอยตอบคำถามจากคนอื่นๆ ว่าวันนี้ซื้อหุ้นหรือยัง ขายหุ้นกันมั้ย เพราะเรากำลังให้ความสำคัญและมีสมาธิกับหุ้น 3 ตัว 4 ตัวในพอร์ตตัวเอง มีเวลาสัมผัสกับหุ้นนั้นๆ ได้อย่างเต็มที่ เพราะสามารถจดจำหุ้นทั้งหมดได้อย่างลึกซึ้ง
ดังนั้น การลงทุนสไตล์มินิมอล หรือ มีหุ้นในพอร์ตน้อยนิด แต่ทำเงินได้ตลอดเวลา น่าจะดีกว่ามีหุ้นเป็นสิบๆ ตัว แต่ไม่มีความสุข ไม่มีเวลาดูแล ที่สำคัญขาดทุนและกินต้นทุนในระยะยาว
กด Subscribe รอเลย…