#เราต้องรอด Special : อัพเดทสถานการณ์ COVID-19 จาก “คุณหมอในสหรัฐฯ”
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
#เราต้องรอด Special : อัพเดทสถานการณ์ COVID-19 จาก “คุณหมอในสหรัฐฯ”
กับ นพ.กฤตภูมิ อัครวินทวงศ์
สัมภาษณ์โดย เฟิร์น ศิรัถยา อิศรภักดี Investment Influencer เจ้าของแนวคิด “ใช้แรงทำเงิน ให้เงินทำงาน”
3 เหตุผลที่สหรัฐฯ ติดเชื้อพุ่ง
คุณหมอตั้งข้อสังเกตถึงปัจจัยที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อ-เสียชีวิต ของสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศอื่น (ทั้งที่เป็นประเทศที่ติดเชื้อช้าที่สุด) มี 3 ส่วนคือ
-
- ภาครัฐ-ประชาชน ไม่ตื่นตัว แม้ว่าจะรับทราบข่าวการแพร่ระบาดจากประเทศต่างๆ ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ชะล่าใจเนื่องจากคิดว่ามีความคล้ายกับโรค SARS ที่มีผู้ติดเชื้อเพียง 8,000 คน และไม่พบเคสใหม่อีกเลยภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี
- ไวรัสกลายพันธุ์ เนื่องด้วยไวรัสนี้ต่างกับโรค SARS เนื่องจากกลายพันธุ์ และสามารถติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ทำให้การคาดการณ์ดังกล่าวผิดพลาด
- วัฒนธรรม การใช้ชีวิตของผู้คนในเมืองที่แออัด ท่ามกลางการเริ่มต้นระบาดของไวรัสที่กลายพันธุ์ แต่ยังไม่ตื่นตัว ไม่ปิดเมือง ไม่ปิดประเทศ ทำให้เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้าง
หน้าข่าว vs. ในพื้นที่…ไม่จริง 100%
สหรัฐฯ เป็นประเทศใหญ่ และมีพื้นที่จำนวนมาก ทำให้ผู้คนแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะวัฒนธรรมที่แตกต่างกันจากเหนือจรดใต้ ซึ่งข่าวการประท้วงที่ออกตามหน้าสื่อคือเมืองใหญ่ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและประชาชนรักเสรีภาพ ในขณะที่เมืองที่คุณหมออยู่ (เมืองเล็กๆ ทางตอนใต้) ที่มีประชากรราว 2-3 หมื่นคนทุกคนให้ความร่วมมือดีมาก และมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
วัคซีน = ความหวังเดียว
“ติดเชื้อ ทานยาฆ่าเชื้อ เชื้อตาย คนหายป่วย” กรอบความคิดนี้ใช้ได้ส่วนใหญ่กับเชื้อแบคทีเรีย แต่ COVID-19 เป็นเชื้อไวรัส ซึ่งเป็นสสารที่เข้าไปในเซลล์ และทำลายเซลล์ ซึ่งร่างกายคนเราบางคนสามารถต่อสู้กับไวรัสและหายเป็นปกติได้ แต่ในบางกรณีเซลล์อาจถูกทำลายได้เช่นกัน ดังนั้นแม้มียาฆ่าเชื้อแต่สุดท้ายคนป่วยก็อาจเสียชีวิตได้ ยาทุกอย่างจึงอาจได้ผลในบางครั้ง และไม่ได้ผลในบางครั้ง จึงไม่มี Magic Drug
วัคซีนจึงเป็นความหวัง แต่คุณหมอมองว่าประวัติศาสตร์ของการทำวัคซีนใช้เวลานานมาก เพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ซึ่งยังไม่มีวัคซีนไหนที่ทำได้ในเวลา 12-18 เดือน (แม้จะสามารถตัดบางขั้นตอนได้) ดังนั้นไม่ควรหวังว่าวัคซีนจะมาเร็ว “การป้องกันดีที่สุด”
ติดเชื้อ-ตรวจไม่เจอ 20-30% | อย่าเชื่อตัวเลข…only paranoid will survive!
ทางการแพทย์คุณหมออธิบายผลจากการตรวจว่ามี False Negative Rate คือการตรวจแล้วผลออกมาว่าไม่มีเชื้อ แต่จริงๆ มีเชื้อ โดย COVID-19 มีสัดส่วนนี้ถึง 20-30%
อีกทั้งการคลาย Lockdown คือการเพิ่มโอกาสระบาดซ้ำ สิ่งที่ควรทำคือการ “ระมัดระวังสูงสุด” เนื่องจากตัวเลขที่รายงานอาจมาจากวิธีการตรวจที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรฟังหูไว้หู และไม่ควรคลายการป้องกันตัว
ข้อดีของคนไทย คือ “มีธรรมะ”
ย้อนกลับไปปี 2007 (13 ปีก่อน) วารสารเกี่ยวกับการติดเชื้อได้ทำนายไว้แล้วว่ามีโอกาสจะเกิดโรคระบาดเช่นนี้ แต่ไม่มีการเฝ้าระวังให้ดี จึงเป็นเหตุการณ์เช่นทุกวันนี้ ซึ่ง COVID-19 ย่อมทำให้ภาครัฐใส่ใจระบบสาธารณสุขมากขึ้น อีกทั้งคนทั่วไปก็ใส่ใจสุขภาพมากขึ้นด้วย
สำหรับข้อดีเฉพาะของ “คนไทย” ที่คุณหมอสัมผัสตลอด 10 ปีที่อยู่สหรัฐฯ คือ “ธรรมะ” ที่สามารถใช้ในการรับมือกับความเครียดและความกลัวได้