กว่า 2 ปีแล้วที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 และปัญหาการเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง บั่นทอนคุณภาพชีวิตผู้คนจนทำให้เกิดการย้ายประเทศครั้งใหญ่ ซึ่งจะนำสู่ปัญหาที่ใหญ่กว่าในอนาคต นั่นคือปัญหาสมองไหลของระดับหัวกระทิ
Li Keqiang นายกรัฐมนตรีจีน มองว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนตอนนี้ดูเหมือนว่าจะย่ำแย่กว่าตอนปี 2020 ที่เริ่มเกิดการระบาดของ COVID-19 (GDP จีนปี 2020 ขยายตัว 2.2%) และสิ่งที่ต้องทำเร่งด่วนตอนนี้คือการลดอัตราการว่างงานลงให้ได้
หากนับตั้งแต่เริ่มเกิดการระบาดของ COVID-19 ในปี 2020 จนถึงปัจจุบัน วงเงินที่รัฐบาลจีนใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจตลอด 3 ปีผ่านนโยบายการเงิน และนโยบายการคลัง คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 100 ล้านหยวน หรือราว $15 ล้านล้าน เทียบเท่ากับขนาดเศรษฐกิจจีน ($14.72 ล้านล้าน) และคิดเป็น 30 เท่าของขนาดเศรษฐกิจไทย ($5 แสนล้าน)
ด้วยนโยบาย Zero-Covid ของทางรัฐบาลจีน ส่งผลให้ชาวจีน 1 ใน 3 หรือกว่า 373 ล้านคน ใน 45 เมือง (นับเป็น 3 ใน 4 ของประชากรในยุโรป (448 ล้านคน) และมากกว่าประชากรทั้งหมดในสหรัฐ (330 ล้านคน)) ถูกล็อกดาวน์ ห้ามเข้า-ออกมานับเดือนแล้ว โดยเฉพาะเซี่ยงไฮ้ เมืองท่าสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีน
Bill Gates มหาเศรษฐีอันดับ 4 ของโลก (ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน $1.23 แสนล้าน) ยอมรับกังวลดอกเบี้ยขาขึ้นจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ในขณะที่สงครามรัสเซีย-ยูเครน และการระบาด COVID-19 ยังไม่จบง่ายๆ
ทางการจีนส่งสัญญาณเตรียมคลายล็อกดาวน์ 2 เมืองสำคัญ (เซียงไฮ้, ปักกิ่ง) หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวันลดลง โดยเซี่ยงไฮ้รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ลดลง 4 วันต่อเนื่อง ล่าสุดแตะ 13,562 คน ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ขณะที่กรุงปักกิ่งพบผู้ติดเชื้อลดลงต่ำกว่า 50 คนต่อวัน