×

Wealth Me Up ให้เงินทำงาน

แจกยันต์กันขาดทุนช่วงหุ้นผันผวน

8,620

 

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…

Facebook | Line | Youtube | Instagram

 

เชื่อขนมกินได้เลยว่า ในช่วงดัชนีหุ้นเป็นขาขึ้นจะเห็นนักลงทุนวนๆ เวียนๆ กับการส่งคำสั่งซื้อและขายตั้งแต่เช้ายันตลาดหุ้นปิด แต่เมื่อตลาดเปลี่ยนเป็นผันผวน ไม่มีความแน่นอน มักเห็นนักลงทุนบ่นกับตัวเองว่า

 

“จะเอายังไงดีกับสภาวะตลาดแบบนี้”

 

ในสภาวะที่ตลาดผันผวน ดัชนีกระโดดขึ้นลงเป็นรายวัน นักลงทุนคาดการณ์ทิศทางได้ยากลำบาก ซึ่งบางครั้งทำให้จังหวะการซื้อขายรวนไปหมด เนื่องจากไม่สามารถใช้ความเคยชินแบบเดิมๆ มาใช้ในการซื้อขายได้

 

บทวิจัย บล.กสิกรไทย มีคำแนะนำที่น่าสนใจ ซึ่งนักลงทุนนำไปประยุกต์ใช้กับตลาดผันผวนได้ โดยวิธีการซื้อหุ้นมี 2 แบบหลักๆ นั่นคือ ดักซื้อ (Bet Buy) กับซื้อตาม (Follow Buy)

 

บทวิจัย บล.กสิกรไทย อธิบายว่าการดักซื้อ หมายถึงการเสี่ยงเข้าไปซื้อหุ้น ณ ราคาใดราคาหนึ่ง โดยไม่มีสัญญาณการซื้อผ่าน Chart มาก่อน ซึ่งส่วนใหญ่การซื้อในรูปแบบนี้จะเกิดขึ้นหากราคาหุ้นมีการปรับตัวลงมาอย่างมากภายในวันหรือในช่วงที่ผ่านมา (Buy on dip) จนดึงดูดให้นักลงทุนเข้าซื้อเพราะคิดว่าราคาตอนนั้นต่ำเกินไป

 

จุดเด่นของการซื้อในรูปแบบนี้คือ นักลงทุนมักจะได้หุ้นที่ราคาต่ำกว่าราคาที่เคยเทรดก่อนหน้าอย่างมาก แต่ไม่รู้ว่าหุ้นจะกลับมาขึ้นเมื่อไหร่เนื่องจากเสี่ยงเข้าไปซื้อเพราะคิดว่าราคาต่ำเกินไป

 

แต่การซื้อในลักษณะดักซื้อนั้นมีความเสี่ยงสูงมากเพราะไม่อาจรู้เลยว่าก้นเหวของราคาหรือราคาจะวิ่งลงไปสุดที่ตรงไหน ดังนั้น นักลงทุนต้องทนขาดทุนไปก่อนจนกว่าหุ้นจะกลับตัว ซึ่งบางครั้งขาดทุนต้องทนและอาจจะขาดทุนเกินว่าที่รับได้ หรือแม้กระทั่งหุ้นอาจจะไม่วิ่งกลับขึ้นมาอีกเลย

 

ดังนั้น การซื้อในลักษณะดักซื้อ นักลงทุนควรประเมินปัจจัยพื้นฐานของหุ้นมาก่อน เพื่อให้มีหลักในการตัดสินใจตามมูลค่าที่เหมาะสมของกิจการ ก่อนจะเข้ามาเสี่ยงซื้อในจังหวะที่ทุกคนกำลังเทขายอย่างบ้าคลั่ง จึงมักเห็นนักลงทุนเน้นคุณค่า (Value Investor) ซื้อหุ้นในลักษณะนี้กันค่อนข้างเยอะ

 

มาถึงรูปแบบการซื้อตาม คือการซื้อหุ้นเมื่อเริ่มเห็นการกลับตัวของราคาตามสัญญาณซื้อทางเทคนิคหรือการซื้อตามขณะที่ราคากำลังวิ่งขึ้น ซึ่งการซื้อในลักษณะดังกล่าวจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าการซื้อแบบดักซื้อ

 

เนื่องจากนักลงทุนเห็นก้นเหวของราคาแล้ว ซึ่งหากเทรดในลักษณะนี้ บทวิจัย บล.กสิกรไทย บอกว่าต้องทำใจไว้ก่อนเลยว่าไม่มีทางซื้อได้ที่ราคาต่ำสุด แต่แลกมาด้วยความเสี่ยงในการทนขาดทุนที่น้อยลดน้อยลง

 

หากนักลงทุนต้องการจะใช้กลยุทธ์ซื้อตามในแนวโน้มรอบใหญ่อาจจะต้องใช้ Trending Indicator เช่น MACD เข้ามาช่วยหา การกลับตัวของแนวโน้มเพื่อเข้าซื้อ แล้วใช้กลยุทธ์ Let profit run ในรอบใหญ่

 

แต่หากต้องการซื้อตามในการทำกำไรจากการแกว่งตัวของราคาหุ้นระยะสั้น (Swing trade) อาจจะต้องเปลี่ยน Indicator มาเป็นในหมวดของ Oscillator เช่น Stochastic Oscillator หรือ RSI เพื่อหาจังหวะซื้อตามราคาหุ้นที่วกกลับมาจากเขต Oversold (ขายมากเกินไป ) แล้วไปหาจังหวะขายหลังจากราคาหุ้นเข้าสู่เขต Overbought (ซื้อมากเกินไป) เพื่อทำกำไรระยะสั้น เพราะ Indicator กลุ่มนี้จะส่งสัญญาณการซื้อขายเร็วกว่ากลุ่ม Trending

 

การที่นักลงทุนทำการบ้านมาอย่างดีจนมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของหุ้น การดักซื้อจะทำให้ได้หุ้นในราคาที่ต่ำมากๆ แต่หากไม่ชัวร์เนื่องมูลค่าที่เหมาะสมของหุ้นตัวนั้นที่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจัยที่เข้ามากระทบกับราคา กลยุทธ์ซื้อตามจะปลอดภัยกว่าแต่ต้องแลกมาด้วยกำไรที่น้อยลง

 

หากตลาดผันผวนแกว่งไปมา บล.กสิกรไทยแนะนำว่าการดักซื้อที่มีการกำหนดจุดขายเพื่อตัดขาดทุน (Stop Loss) ชัดเจนจะสร้างความได้เปรียบกับการเทรดได้ดี แต่หากตลาดกลับมามีทิศทางอีกครั้ง กลยุทธ์ซื้อตามจะเป็นคำตอบที่ดี

 

ดังนั้น ไม่ว่าตลาดหุ้นจะเป็นขาขึ้น ขาลง หรือผันผวน หากเลือกใช้กลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้น ย่อมสร้างผลกำไรได้ดี

 

#WealthMeUp

Related Stories

amazon anti fatigue mats