17 หุ้นน่าเก็บเข้าพอร์ต ราคายัง Laggard
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
ตลาดหุ้นหลายแห่งเดินหน้าทำ New High กัน โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ปรับขึ้นไม่หยุดเลยตั้งแต่ปีที่แล้ว เช่นเดียวกับตลาดหุ้นอังกฤษก็ทำ New High เหมือนกัน
มาถึงฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลาดหุ้นฮั่งเส็งของฮ่องกงก็ทำ New High ในรอบกว่า 10 ปี
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นไม่น้อยหน้าทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 27 ปี และตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP (ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์) ทำ All Time High ไปเรียบร้อย
ในส่วนของดัชนีตลาดหุ้นไทย เริ่มปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา และข้ามปีมาก็ยังแรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่ โดย 3 วันแรกของวันทำการปีนี้ ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นไป 40 กว่าจุด ให้ผลตอบแทนราว 2% จนทะลุแนวต้านสำคัญที่ 1,800 จุดไปแล้ว
“พบชัย ภัทราวิชญ์” นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส แนะนำว่าสภาพตลาดแบบนี้ นักลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังสูง เพราะอาจมีแรงขายหุ้นที่มีราคาแพง มี P/E Ratio สูง และ Upside จำกัดออกมา ขณะเดียวกันแนะนำให้หาจังหวะซื้อหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากเหมาะกับภาวะตลาดกระทิงแบบนี้ นั่นก็คือ หุ้นที่มีราคาขยับขึ้นไม่มากเมื่อเทียบกับทั้งตลาด หรือที่เรียกว่า หุ้น Laggard
พบชัย กล่าวว่าเทคนิคดังกล่าว นักลงทุนสามารถคัดกรองหุ้น Laggard ผ่านสัญญาณทางเทคนิค วิธีการคือเปรียบเทียบราคาหุ้นกับดัชนีตลาด (SET Index) หรือดัชนี SET100 หรือดัชนี sSET โดยหุ้นตัวไหนที่มีสัญญาณซื้อ เทคนิคสวย แต่ราคาขยับขึ้นต่ำกว่าดัชนีตลาดที่ใช้ในการเปรียบเทียบ แสดงว่าเข้าข่ายเป็นหุ้น Laggard จากนั้นก็ทำการศึกษาข้อมูล วิเคราะห์ต่อก่อนตัดสินใจลงทุน
หุ้น Laggard เหมาะกับการลงทุนในระยะสั้นๆ หรือเทรดดิ้ง เพื่อหาผลตอบแทนจากการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้น (Capital Gain) ซึ่งจากสถิติพบว่าเมื่อเข้าซื้อหุ้น Laggard จะได้รับผลตอบแทนในระดับน่าพอใจ ในระยะสั้น
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนหุ้น Laggard คือซื้อก่อนนักลงทุนคนอื่นๆ แต่ก่อนซื้อต้องมั่นใจว่าราคาหุ้นนั้นจะปรับขึ้น อย่างไรก็ตาม การลงทุนระยะสั้นๆ นักลงทุนไม่ควรซื้อหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำจนเกินไป