เหตุระเบิดอาจดัน “ทอง” พุ่งต่อ | แต่ “เงิน” อาจดีกว่า
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
เหตุระเบิดบริเวณคลังสินค้าจัดเก็บสารแอมโมเนียมไนเตรท ในเมืองเบรุต เมืองหลวงเลบานอนที่มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 รายและบาดเจ็บอีกกว่า 4,000 ราย อาจดันราคาทองคำให้ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง หลังแตะระดับสูงสุดในประวัติการณ์ไปแล้วก่อนหน้านี้
โดยราคาทองคำปิดเหนือ $2,000 ครั้งแรกในประวัติการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมาโดยขยับขึ้นไปแตะที่ $2,021 จากหลายปัจจัยสนับสนุน โดยเฉพาะเหตุความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
นอกจากนี้ Mizuho Bank ยังคาดการณ์ด้วยว่าเหตุระเบิดที่เมืองเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน อาจดันราคาทองคำพุ่งต่อเนื่อง โดยล่าสุดราคาทองคำในตลาด Spot และ Futures ยืนได้เหนือ $2,030 เรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม Michael Hsueh นักกลยุทธ์จาก Deutsche Bank ประเมินว่าสิ่งที่น่าสนใจกว่าทองคำก็คือ “เงิน” เนื่องจากคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัว และผลักดันให้ความต้องการใช้เงินจะเพิ่มขึ้นในภาคอุตสาหกรรม ที่มีการใช้เงินจำนวนมาก สอดคล้องกับนักวิเคราะห์จาก Citi ที่เคยระบุก่อนนี้ว่ากิจกรรมภาคการผลิตที่ฟื้นตัวจะผลักดันราคาของ “เงิน” ให้เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าการเพิ่มขึ้นของราคา “ทองคำ”
การเลือกตั้งสหรัฐ อาจส่งผลบวกต่อราคาโลหะมีค่าด้วยเช่นกัน โดยนักวิเคราะห์ระบุว่าหาก Joe Biden เป็นผู้นำสหรัฐคนใหม่ การผลักดันแผนโครงสร้างพื้นฐานสีเขียวอาจทำให้ต้องยกระดับระบบขนส่งทั้งรถไฟ รถบัส รถโดยสาร ด้วยการพัฒนาโครงสร้างให้แข็งแรง ทนทานกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง นอกจากนี้การพัฒนาอุปกรณ์การแพทย์, สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และโครงข่ายระบบ 5G ต่างก็ผลักดันความต้องการใช้โลหะมีค่าให้เพิ่มสูงขึ้น
Ned Naylor-Leyland ผู้จัดการกองทุนโลหะมีค่า Jupiter Asset Management ประเมินว่ามีปัจจัยสนับสนุน “ทองคำ” และ “เงิน” จำนวนมากแต่ดูเหมือนเงินจะมีแนวโน้มที่ดีกว่าทองคำ
ถอดความและสรุปข่าวโดย: Wealth Me Up
ที่มาข้อมูล:
– https://www.bbc.com/thai/international-53656743
– https://www.cnbc.com/2020/08/05/investing-in-precious-metals-silver-prices-set-to-outperform-gold-prices.html
– https://www.cnbc.com/2020/08/05/gold-markets-dollar-coronavirus-in-focus.html