×

Wealth Me Up ให้เงินทำงาน

8 กองทุนรวมดัชนี S&P5OO ผลงานเด่น

45,100

 

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…

Facebook | Line | Youtube | Instagram

 

ย้อนกลับไปในช่วงวิกฤติซับไพรม์ปี 2551 คุณปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์สร้างความฮือฮา ด้วยการประกาศหาคู่แข่งขันการลงทุน โดยฝ่ายเขาจะลงทุนในกองทุนดัชนี S&P500 (S&P500 Index Fund) ส่วนอีกฝ่ายจะลงทุนในกองทุนรวมและกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ที่มีมืออาชีพดูแลจัดการ ด้วยนโยบายซื้อขายหุ้นบ่อยครั้ง โดยการแข่งขันนี้จะกินเวลา 10 ปีตั้งแต่ 1 มกราคมปี 2551-31 ธันวาคม 2560 ผลปรากฏว่าฝ่ายคุณปู่ชนะขาดลอย

 

โดยสิ้นปี 2560 กองทุนดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 125.8% คิดเป็นผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี 8.5% ในขณะที่กองทุนเฮดจ์ ฟันด์ โดยเฉลี่ยทำผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีเพียง 3%

 

สิ่งที่คุณปู่บัฟเฟตต์มั่นใจว่าจะเป็นฝ่ายชนะ นั่นคือ หากซื้อของได้ราคาถูก เช่น Index Fund ซึ่งมีค่าธรรมเนียมต่ำ แล้วลงทุนกันยาวๆ ไม่จำเป็นต้องไปซื้อของแพงเหมือนกองทุนเฮดจ์ ฟันด์ ที่ค่าธรรมเนียมแพง เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินสลับซับซ้อน ยิ่งทำให้ต้นทุนหยุมหยิม แถมมีรายละเอียดในการเก็บค่าธรรมเนียมซับซ้อนด้วย

 

ประเด็นที่คุณปู่บัฟเฟตต์จะบอก ก็คือ การลงทุนให้ประสบความสำเร็จนั้น ต้องทำตัวเป็นนักลงทุนธรรมดาๆ ลงทุนอะไรที่เข้าใจง่าย ประมาณว่าผู้คนทั้งโลกก็รู้จัก และเมื่อมั่นใจว่าเลือกถูกต้องแม่นยำ ก็ให้เวลาด้วยการอยู่ยาวๆ ที่สำคัญการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย (DCA) จะประสบความสำเร็จมากกว่าการลงทุนแบบทีเดียว (Lump Sum)

 

ดัชนี S&P500 เป็นดัชนีที่คัดเลือกหุ้นขนาดใหญ่ที่สุด 500 บริษัทแรกของสหรัฐอเมริกามาทำเป็นดัชนี ประกอบด้วยบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นดาวน์โจนส์และตลาดแนสแดค จึงเป็นดัชนีที่ครอบคลุมประมาณ 80% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของหุ้นสหรัฐอเมริกา

 

โดยตลอด 10 ปีนับตั้งแต่หลังวิกฤติซับไพรม์เป็นต้นมา (2553 -2562) ผลตอบแทนดัชนี S&P 500 เฉลี่ยอยู่ที่ 11.42% และถ้าดูเป็นรายปีพบว่ามี 7 ปีที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก อีก 3 ปีเท่านั้นที่ผลตอบแทนติดลบ สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนมั่นใจต่อเศรษฐกิจและการเติบโตของธุรกิจสหรัฐอเมริกา

 

ในช่วงวิกฤติ COVID-19 ถึงแม้ว่าดัชนี S&P 500 ได้รับผลกระทบบ้างแต่เป็นเพียงระยะสั้นๆ โดยดัชนีปรับขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมาท่ามกลางการหดตัวทางเศรษฐกิจ แสดงให้เห็นถึงท่าทีของนักลงทุนที่มองว่าวิกฤติเศรษฐกิจที่รุนแรงได้ผ่านพ้นไปแล้ว และธุรกิจต่างๆ จะเริ่มกลับมาสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกครั้งภายในปีหน้าและจะผลักดันให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น โดยตั้งแต่มกราคมถึง 18 กันยายนที่ผ่านมา ให้ผลตอบแทน 2.74%

 

มีคำถามตามมาว่า ถ้านักลงทุนไทยสนใจลงทุนดัชนี S&P 500 จะลงทุนได้ในช่องทางไหน คำตอบคือ ผ่านกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในดัชนี S&P500 ซึ่งเปรียบเสมือนว่าได้ลงทุนหุ้นที่อยู่ในดัชนี S&P500 โดยมีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี S&P500

 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการลงทุนในต่างประเทศ มีความเสี่ยงค่อนข้างสูงและมีปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุนมาก เช่น อัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้น จึงเป็นเพียงทางเลือกเพื่อการลงทุนเท่านั้น แปลว่าสัดส่วนเงินลงทุนควรอยู่ในระดับไม่เยอะ เช่น 5-10% ของพอร์ตลงทุนโดยรวม ขณะเดียวกันควรติดตามข้อมูลการลงทุนอย่างใกล้ชิด

 

 

#WealthMeUp

Related Stories

amazon anti fatigue mats