×

Wealth Me Up ให้เงินทำงาน

1O หุ้นปัจจัยพื้นฐานต่อการดำรงชีวิต

9,183

 

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…

Facebook | Line | Youtube | Instagram

 

ในอดีต สิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตที่รู้จักกันดีว่า “ปัจจัย 4” ประกอบด้วยที่อยู่อาศัย อาหาร, เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค แต่การใช้ชีวิตในโลกยุคปัจจุบันมีอีกสองสิ่งที่ผู้คนไม่สามารถขาดได้ คือ การสื่อสาร และสาธารณูปโภคพื้นฐาน

 

นับตั้งแต่วิกฤติ COVID-19 จะพบว่าบริษัทจดทะเบียนทุนหายกำไรหดไปตามๆ กัน และทุกวันนนี้หลายบริษัทก็ยังต้องพยุงตัวให้รอดต่อไป แต่หากมองบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับปัจจัย 4 พบว่ายอดขายฟื้นตัวค่อนข้างเร็ว เพราะไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะไหน ผู้คนยังคงต้องการปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต

 

นอกจากนี้ ธุรกิจการสื่อสารและสาธารณูปโภคพื้นฐานมีความโดดเด่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยในปีที่แล้วประเทศไทยมีผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตมากกว่า 50 ล้านคน หรือคิดเป็น 75% ของประชากร เติบโตกว่า 170% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้าเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 4% แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในยุคปัจจุบัน

 

ถ้าเป็นเช่นนี้ สมมติว่าหากนำปัจจัย 4 บวกธุรกิจการสื่อสารและสาธารณูปโภคพื้นฐานมาจัดพอร์ตหุ้น ผลออกมาจะเป็นอย่างไร

 

โดยหุ้นที่นำมาใช้ในการทดลองจัดพอร์ตการลงทุน ต้องมีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ที่สามารถลงทุนได้อย่างคล่องตัว เช่น สัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยไม่น้อยกว่า 20% ของทุนชำระแล้วของบริษัท มูลค่าการซื้อขายรายวันเฉลี่ยที่สูงพอสมควร มาร์เก็ตแคปไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท และซื้อขายบนกระดาน 1 ปีขึ้นไป

 

หุ้นที่คัดเลือกเข้าพอร์ตต้องมียอดขายในอันดับต้นๆ หรือเป็นตัวแทนของแต่ละกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความจำเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิตในปัจจุบัน แล้วกระจายน้ำหนักการลงทุนด้วยการใช้วิธีการคำนวณแบบถ่วงน้ำหนักด้วยมาร์เก็ตแคป และหุ้นแต่ละตัวจะลงทุนไม่เกิน 10% และจะปรับสมดุลของพอร์ตทุกครึ่งปี

 

สมมติว่าลงทุนหุ้นปัจจัยพื้นฐานต่อการดำรงชีวิต (จำนวน 10 บริษัท) ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา (ปี 2553 – 25 สิงหาคม 2563) เมื่อเทียบกับดัชนีผลตอบแทนรวมของตลาดหุ้นไทย (SET TRI) พบว่าพอร์ตหุ้นปัจจัยพื้นฐานต่อการดำรงชีวิตให้ผลตอบแทนที่โดดเด่น เช่น ลงทุนมาตลอด 10 ปี ให้ผลตอบแทนสูงถึง 219.16% ขณะที่ SET TRI ให้ผลตอบแทน 110.31% ถ้าเริ่มลงทุนตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมาจนถึง 25 สิงหาคม 2563 ให้ผลตอบแทน 27.25% ขณะที่ SET TRI ให้ผลตอบแทน 19.21%

 

เช่นกัน ในช่วงตลาดหุ้นเป็นขาลง พอร์ตหุ้นปัจจัยพื้นฐานต่อการดำรงชีวิตก็ติดลบน้อยกว่า SET TRI เช่น หากลงทุนตั้งแต่ต้นปีจนถึง 25 สิงหาคมที่ผ่านมา พอร์ตหุ้นปัจจัยพื้นฐานต่อการดำรงชีวิตติดลบ 5.81% ขณะที่ SET TRI ติดลบ 14.29%

 

ถึงแม้ว่าคตลาดหุ้นจะเต็มไปด้วยความผันผวน แต่หากสามารถเลือกหุ้นที่ใช่เก็บไว้ในพอร์ตและลงทุนระยะยาว ผลลัพธ์จะได้รับกำไรมากกว่าขาดทุน

 

 

#WealthMeUp

Related Stories

amazon anti fatigue mats