ตัวช่วยการเงิน ที่คุณแม่ควรรู้
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
ตัวช่วยทางการเงิน ที่จะทำให้เรื่องเงินทองของเหล่าคุณแม่ เป็นเรื่องง่ายๆ ได้แก่
1) เงินฝากออมทรัพย์
สามารถถอนได้ตลอดเวลา และดอกเบี้ยออมทรัพย์ของหลายธนาคาร ก็ไม่ได้มีแค่ 0.5%ต่อปี อาทิ ออมทรัพย์แบบไม่มีคู่ฝาก ที่เปิดได้ทันทีผ่าน Mobile Banking Application ดอกเบี้ยอาจสูงถึง 1.5%ต่อปี และยังสามารถถอนผ่านตู้ ATM หรือ โอนผ่าน Application ได้ทันที โดยไม่ต้องใช้บัตร หรือ ไปที่สาขา เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคุณแม่ ไม่ว่าจะจ่ายค่านม ค่าอาหาร และ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็นใช้ทุกวัน
2) กองทุนรวม
แม้จะมีความเสี่ยง แต่ก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะเวลาที่เหมาะสม เช่น กองทุนผสม หากมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 5%ต่อปี จะทำให้เงิน 100 บาท กลายเป็น 127 บาท ภายใน 5 ปี และกลายเป็น 200 บาท ได้ภายใน 14 ปี ตัวช่วยประเภทนี้ สามารถเก็บไว้เป็นเงินเพื่อการศึกษาในอนาคตของลูกน้อย เช่น ค่าเทอมปริญญาตรี 100,000 บาท จะใช้เงินลงทุน ก่อนลูกเข้าเรียนอนุบาลเพียง 50,000 บาท ในขณะที่หากเป็นออมทรัพย์ดอกเบี้ย 1.5%ต่อปี ต้องใช้เงินสูงถึง 81,000 บาท
3) ประกันชีวิต
ช่วงเวลาที่ลูกของคุณอยู่ดี กินดี เป็นเพราะคุณพ่อคุณแม่ยังทำงาน มีรายได้ แต่เพื่อลดความเสี่ยง หากในอนาคตไม่สามารถอยู่ดูแลลูกน้อยได้ การทำประกันชีวิต จึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่ไม่อาจมองข้าม ซึ่งต้องเลือกทุนประกันชีวิตที่เพียงพอกับการศึกษาลูกจนจบปริญญาตรี โดยหากมีทุนประกันชีวิต 1 ล้านบาท ก็สามารถเลือกจ่ายเบี้ยประกันเพียงปีละหลักพัน หรือ หนึ่งหมื่นต้นๆ ได้ ด้วยประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (เน้นคุ้มครอง ไม่มีเงินคืน)
4) ประกันสุขภาพ
ลูกที่อายุ 0-6 ปี มักเจ็บป่วย โดยเฉพาะเมื่อเข้าโรงเรียน หากแค่ไปหาหมอแล้วกลับบ้านก็คงไม่น่าหนักใจ แต่หากต้องนอนโรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นก็คงเป็นเรื่องใหญ่ไม่น้อย
ประกันสุขภาพเพื่อคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีลูกนอนโรงพยาบาลเป็นสิ่งที่ควรพิจารณา โดยอาจคุ้มครองโรคทั่วไปหรือเฉพาะโรคฮิตสำหรับเด็กเพื่อให้ค่าเบี้ยต่ำลงมาหน่อยก็ได้
5) สิทธิทางภาษี
สำหรับลูกที่ไม่มีรายได้ (ไม่ถึงปีละ 30,000 บาท) อายุไม่เกิน 20 ปี หรืออายุ 21-25 ปี แต่ยังเรียนมหาวิทยาลัยหรืออุดมศึกษาอยู่ สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ 30,000 บาทต่อลูก 1 คน ที่สำคัญ หากลูกที่ว่าไม่ใช่ลูกคนแรก และ เกิดตั้งแต่ พ.ศ. 2561 ขึ้นไป สามารถลดหย่อนได้เพิ่มอีก 30,000 บาท
ส่วนจะประหยัดภาษีได้เท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับฐานภาษีขอแต่ละคน เช่น คนฐานภาษี 10% เมื่อมีลูกคนแรก จะช่วยประหยัดภาษีได้ 30,000 x 10% = 3,000 บาท
6) สิทธิประกันสังคม
สำหรับลูกที่อายุยังไม่ถึง 6 ปีบริบูรณ์ สามารถขอรับสิทธิ “สงเคราะห์บุตร” ได้เดือนละ 600 บาท โดยสามารถใช้สิทธิได้สูงสุด 3 คน หรือเดือนละ 1,800 บาท
ตัวช่วยการเงินเหล่านี้ ทั้งลดภาระด้วยสิทธิประโยชน์ เพิ่มผลตอบแทนด้วยทางเลือกที่เหมาะสม และสร้างความมั่นคงด้วยความคุ้มครอง เป็นสิ่งที่ทั้งเหล่าคุณแม่ควรรู้และใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ครอบครัว