12 หุ้น ราคาน่าสน ผลประกอบการเด่น
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
Book Value หรือมูลค่าทางบัญชี คือมูลค่าของสินทรัพย์สุทธิ ตามงบดุลของบริษัท สามารถคำนวณได้จากนำสินทรัพย์ลบด้วยหนี้สินทั้งหมด และเหลือเป็นมูลค่าของผู้ถือหุ้นเท่าไหร่
ตัวอย่างเช่น ถ้าบริษัท XYZ มีมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดเท่ากับ 1,000 ล้านบาท และมูลค่าหนี้สินทั้งหมด 800 ล้านบาท มูลค่าทางบัญชีของบริษัทจะเท่ากับ 200 ล้านบาท หรืออีกนัยหนึ่งถ้าขายสินทรัพย์และจ่ายหนี้สินทั้งหมด มูลค่าของหุ้นหรือมูลค่าสุทธิทางบัญชีของธุรกิจจะเท่ากับ 200 ล้านบาท
ในขณะที่มูลค่าตามราคาตลาด (Market Value) เป็นมูลค่าของบริษัทตามราคาหุ้นทิ่ที่วิ่งขึ้นลงในตลาดหุ้น คูณด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมด ซึ่งมูลค่าตามตลาดนั้นมักจะถูกประเมินมูลค่าตามข่าวหน้าหนังสือพิมพ์หรือตามการคาดการณ์ของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทนั้นๆ
หนึ่งในอัตราส่วนทางการเงินยอดนิยมในการเปรียบเทียบราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชีที่นักลงทุนคุ้นเคยกันดี ก็คือ Price to Book Value หรือ P/BV Ratio ซึ่งแสดงให้เห็นถึงจำนวนเท่าของราคาตลาดของหุ้นนั้นๆ ต่อมูลค่าทางบัญชีของบริษัทต่อหุ้น อีกทั้งเป็นตัวชี้วัดให้กับนักลงทุนว่าคุณลงทุนหุ้นนั้นๆ ในราคาที่เหมาะสมแล้วหรือไม่
โอกาสที่บริษัทจะมีค่า P/BV Ratio เท่ากับ 1 เท่า อาจเกิดขึ้นได้ไม่บ่อย หมายถึงมูลค่าทางบัญชีและราคาหุ้นเท่ากัน
ถ้า P/BV Ratio มากกว่า 1 เท่า แสดงว่าราคาหุ้นได้ปรับตัวสูงขึ้นกว่ามูลค่าทางบัญชี ในทางกลับกันราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลง
ถ้า P/BV Ratio ต่ำกว่า 1 เท่า แสดงว่าราคาตลาดของหุ้นได้ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่จะลงทุนในระยะยาวเพราะชอบซื้อของที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงเสมอ เช่น P/BV Ratio มีค่าเท่ากับ 0.5 เท่า หมายถึงมูลค่า ณ ราคาตลาดเท่ากับครึ่งหนึ่งของมูลค่าทางบัญชีของหุ้นนั้นๆ หรือพูดอีกนัยหนึ่งมูลค่าสินทรัพย์สุทธิถูกประเมินได้เท่ากับ 100 บาท แต่มูลค่าราคาตลาดต่อหุ้นอยู่ที่ระดับเพียง 50 บาท
อย่างไรก็ตาม P/BV Ratio ที่ต่ำกว่า 1 เท่า ไม่ได้แปลว่าราคาหุ้นถูกเสมอไป อาจจะมาจากการถูกประเมินมูลค่าสินทรัพย์สุทธิที่สูงเกินไป หรือผลประกอบการของบริษัทอาจอยู่ในภาวะวิกฤติ รวมถึงการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่ขาดสภาพคล่อง
แม้ว่าการวิเคราะห์ค่า P/BVจะเป็นเครื่องมือง่ายๆ ในการประเมินมูลค่าหุ้น แต่อาจจะไม่เพียงพอต่อการตัดสินใจลงทุน นักลงทุนที่ดีนั้นควรมีการติดตามข่าวสารของบริษัทนั้นๆ รวมถึงการวิเคราะห์ตัวเลขผลประกอบการควบคู่ไปด้วย
ดังนั้น เพื่อความมั่นใจมากขึ้น จึงควรพิจารณาถึงผลการดำเนินงานว่าแข็งแกร่งมากน้อยแค่ไหน เช่น กำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่อง อัตราเงินปันผลตอบแทนอยู่ในระดับที่น่าประทับใจ เป็นต้น
