1O กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ผลตอบแทนโดดเด่น
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
สำหรับผู้ที่มีเงินฝากต่ำกว่า 1 ล้านบาทไม่กระทบ แต่สำหรับผู้ที่มีเงินฝากเกิน 1 ล้านบาทและฝากกับแบงก์เดียว เช่น มีบัญชีเงินฝาก 1.1 ล้านบาทจะได้รับผลกระทบ
กรณีผู้ที่ได้รับกระทบจากมาตรการลดวงเงินคุ้มครองเงินฝาก คุณวิน พรหมแพทย์, CFA ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เขียนไว้ในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า หากยังอยากให้เงินฝากทั้งหมดได้รับความคุ้มครองเต็มจำนวนอาจใช้วิธีแตกบัญชีไปหลายธนาคาร เช่น หากมี 3 ล้านบาท ก็กระจายไป 3 ธนาคาร
แต่ถ้าต้องการทางเลือกอื่นนอกจากฝากแบงก์ เนื่องจากภาวะดอกเบี้ยต่ำมาก คุณวิน แนะนำให้แบ่งไปลงทุนใน “กองทุนรวมตราสารหนี้” ที่เน้นลงทุนส่วนใหญ่หรือทั้งหมดในตราสารภาครัฐ เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น เพราะเป็นการลงทุนที่รัฐบาลค้ำประกันเต็มจำนวน และการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นและระยะปานกลางในปัจจุบัน มีโอกาสให้ผลตอบแทนเท่ากับหรือสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำ
เมื่อเปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่างเงินฝากกับการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น พบว่าดอกเบี้ยเงินออมทรัพย์ต่ำสุด – สูงสุดของธนาคารที่จดทะเบียนในประเทศไทย อยู่ที่ระดับ 0.1250 – 2.000% ต่อปี เงินฝากประจำ 12 เดือน อยู่ที่ระดับ 0.4000 – 1.500% ต่อปี เงินฝากประจำ 24 เดือน อยู่ที่ระดับ 0.4550 – 1.300% ต่อปี (ข้อมูล ณ 20 สิงหาคม 2564, ธนาคารแห่งประเทศไทย)
ส่วนกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น ที่ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี สูงสุด 10 อันดับแรก พบว่าผลตอบแทนราว 2% ต่อปีขึ้นไป
สำหรับความเสี่ยงด้านความผันผวนของราคา ทั้งเงินฝากและตราสารหนี้ มีความผันผวนต่ำกว่าการลงทุนแบบอื่น ส่วนความเสี่ยงด้านเครดิตหรือความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระ หลังจากวงเงินคุ้มครองเงินฝากลดลงเหลือ 1 ล้านบาทต่อบัญชี ความเสี่ยงของผู้ฝากเงินจะขึ้นกับเครดิตหรือความมั่นคงของธนาคารที่รับฝาก ในขณะที่ตราสารหนี้ความเสี่ยงด้านผิดนัดจะขึ้นอยู่กับเครดิตของผู้ออก หากเป็นพันธบัตรรัฐบาลถือว่าไม่มีความเสี่ยง ส่วนหากเป็นหุ้นกู้ภาคเอกชนก็จะขึ้นกับความน่าเชื่อถือของผู้ออก
ดังนั้น หากดูกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น ส่วนใหญ่จะเน้นลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย จึงถือว่ามีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการโยกเงินฝากบางส่วนมาลงทุน
คำแนะนำ สำหรับมือใหม่
ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แนะนำว่าถ้าสนใจลงทุนกองทุนรวมตราสารหนี้ในช่วงนี้ “สามารถลงทุนได้เลย” เพราะจังหวะแบบนี้เป็นตลาดของผู้ซื้อ ซึ่งวิธีลงทุนที่น่าสนใจ คือ ทยอยลงทุนอย่างสม่ำเสมอ (Dollar Cost Average : DCA) เพราะกองทุนรวมได้ถูกออกแบบให้ลงทุนระยะยาวเพื่อสะสมเงินออมไว้ใช้หลังเกษียณ
สำหรับมือใหม่อาจเริ่มต้นจากกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐระยะสั้น อายุคงเหลือน้อย ๆ เพราะมีความเสี่ยงต่ำ มีสภาพคล่องสูงและมีคุณภาพดี เช่น เงินฝาก พันธบัตรรัฐบาล หรือหุ้นกู้เอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือดี และถ้ารับความเสี่ยงและต้องการผลตอบแทนเพิ่มขึ้นสูง ลองมองกองทุนรวมตราสารหนี้ทั่วไปที่เปิดให้ผู้ลงทุนซื้อหรือขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ (Daily Fixed Income)
ตราสารหนี้ เป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนที่ดูแลเงินต้นของผู้ลงทุน นอกจากนี้ถือเป็นตัวช่วยประคองพอร์ตลงทุนโดยรวมในช่วงตลาดผันผวน ดังนั้น จึงควรกระจายความเสี่ยงในการลงทุนด้วยการจัดสรรสัดส่วนเงินลงทุนไปยังสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ตามความเหมาะสมกับระดับความเสี่ยงของแต่ละคน ดังนั้น ถือเป็นทางเลือกที่จำเป็นในการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยง ที่สำคัญมีความเสี่ยงต่ำกว่าสินทรัพย์การลงทุนบางประเภท เช่น หุ้น ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ โดยในช่วงวิกฤติ ควรเน้นลงทุนตราสารหนี้ที่มีอายุสั้น เพื่อลดความผันผวนของอายุเฉลี่ยตราสารหนี้ (Duration) และเลือกลงทุนตราสารหนี้ที่มีคุณภาพดี นั่นคือ ระดับ Investment Grade ขึ้นไป ที่สำคัญโดยปกติแล้วผู้จัดการกองทุนก็จะปรับพอร์ตของตราสารหนี้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์อยู่แล้ว จึงไม่ต้องกังวลว่ากองทุนรวมตราสารหนี้ของตัวเองจะไม่ปลอดภัย