1O กองทุนรวมหุ้นคุณค่า ผลงานโดดเด่น
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
ย้อนกลับไปปีที่แล้ว มีเงินไหลเข้ากองทุนรวมหุ้นสหรัฐอเมริกา (U.S.Equity Fund) 151,000 ล้านเหรียญสหรัฐ สวนทางกับปี 2563 ที่เงินไหลออก 240,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาปรับขึ้นอย่างโดดเด่นบวกกับอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ถ้าเจาะลงรายละเอียดพบว่ามีเงินไหลเข้าลงทุนในกองทุนรวมระยะยาวและกองทุนรวม ETFs สหรัฐอเมริกา ประมาณ1.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ โดยกองทุนรวมประเภทคุณค่า (Value Funds) ทั้งกองทุนรวมหุ้นคุณค่าขนาดใหญ่ (Large Value Fund) และกองทุนรวมหุ้นคุณค่าขนาดกลางและเล็ก (Small Value Fund) เป็นที่นิยมของนักลงทุนในปีที่ผ่านมา โดยมีเงินไหลเข้ารวม 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 7,500 ล้านเหรียญสหรัฐ
หากดูสถิติ 1 ปีย้อนหลัง (18 กุมภาพันธ์ 2564 – 17 กุมภาพันธ์ 2565) ดัชนี Morningstar US Value Index แซงหน้าดัชนี Morningstar US Growth Index ไปแล้ว และถึงแม้ปี 2564 ดัชนี Morningstar US Value Index ให้ผลตอบแทนรวม 23.98% ขณะที่ดัชนี Morningstar US Growth Index ให้ผลตอบแทนโดยรวม 24.79% แต่นับตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึง 17 กุมภาพันธ์ 2565 ดัชนี Morningstar US Value Index ให้ผลตอบแทนรวม 0.13% ขณะที่ดัชนี Morningstar US Growth Index ให้ผลตอบแทนโดยรวม ติดลบ 15.87% สะท้อนให้เห็นว่าหุ้นคุณค่าสามารถฝ่าด่านสภาวะตลาดผันผวนได้ค่อนข้างดี
จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้นักลงทุนทำการสำรวจกองทุนรวมที่ตัวเองลงทุนว่ามีกองทุนรวมประเภทคุณค่าและกองทุนรวมประเภทอื่น ๆ เป็นสัดส่วนเท่าไหร่ ซึ่งในปีที่ผ่านมาอาจพบว่ากองทุนรวมประเภทคุณค่ามีสัดส่วนเพียงเล็กน้อย ด้วยเหตุผลหลากหลาย เช่น ผลตอบแทนไม่จูงใจ ความผันผวนสูงจากสภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย แต่วันนี้หากประเมินว่าหุ้นคุณค่ากำลังกลับมาอีกครั้ง อาจต้องปรับพอร์ตลงทุนด้วยการเพิ่มสัดส่วนกองทุนรวมประเภทคุณค่า
การลงทุนเน้นคุณค่า คือ การเน้นลงทุนหุ้นที่มีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน (Undervalue Stock)และถือลงทุนในระยะยาว ดังนั้น ผู้จัดการกองทุนทำการประเมินภาพรวมธุรกิจ ทั้งด้านอุตสาหกรรม ตัวบริษัท ฐานะทางการเงิน รวมถึง Valuation ว่าหุ้นตัวนั้นมีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานที่ควรจะเป็นหรือไม่
โดยเหตุผลหลักที่นิยมเลือกหุ้นดังกล่าวเพราะหุ้นถูกตีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานในปัจจุบัน แต่หุ้นเหล่านี้จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าในระยะยาว ทั้งผลผลตอบแทนจากเงินปันผลและราคาหุ้นที่ปรับสูงขึ้น
ดังนั้น กองทุนรวมประเภทคุณค่าจะเหมาะกับนักลงทุนที่รู้เทรนด์เศรษฐกิจภาพรวม นักลงทุนเชิงรุกที่พร้อมรับความเสี่ยงในปัจจุบันเพื่อผลตอบแทนที่สูงขึ้น ผู้ที่มองหาการลงทุนระยะยาวที่สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง พูดง่าย ๆ เป็นนักลงทุนที่มีความอดทนในการลงทุนเพื่อรอผลตอบแทนที่คุ้มค่าในอนาคต
อย่างไรก็ดี การคัดเลือกกองทุนรวมหุ้นคุณค่าเข้าพอร์ตลงทุนต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียด เนื่องจากแต่ละกองมีกลยุทธ์ลงทุนที่หลากหลาย เช่น บางกองทุนให้ความสำคัญกับหุ้นที่จ่ายเงินปันผลมากกว่ากองทุนอื่น ๆ จึงเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบผลตอบแทนจากเงินปันผล ขณะที่บางกองเน้นลงทุนหุ้นคุณค่าที่กำลังเติบโต จึงเหมาะผู้ที่เน้นผลตอบแทนจากผลการดำเนินงานของกองทุน แปลว่าแต่ละกองทุนจะมีประสิทธิภาพและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน