จีนล็อกดาวน์ ศก.พัง กระทบ 4OO ล้านคน 3O% GDP
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
ด้วยนโยบาย Zero-Covid ของทางรัฐบาลจีน ส่งผลให้ชาวจีน 1 ใน 3 หรือกว่า 373 ล้านคน ใน 45 เมือง (นับเป็น 3 ใน 4 ของประชากรในยุโรป (448 ล้านคน) และมากกว่าประชากรทั้งหมดในสหรัฐ (330 ล้านคน)) ถูกล็อกดาวน์ ห้ามเข้า-ออกมานับเดือนแล้ว โดยเฉพาะเซี่ยงไฮ้ เมืองท่าสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีน
สำหรับภาคการผลิตในประเทศ แม้โรงงานต่างๆ ต้องบังคับให้พนักงานร่วมหลายร้อยล้านคน กิน-นอน ในโรงงานตาม “นโยบายการจัดการแบบปิด” หรือ Closed-loop management แต่ผลผลิตที่ได้จากโรงงานกลับลดลงต่ำที่สุด นับตั้งแต่มิ.ย. 2020 ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจจีนปีนี้ลงเหลือเพียง 4.4% จาก 4.8% (ลดลงเกือบครึ่งหนึ่งของการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2021 (8.1%)) นักวิเคราะห์บางส่วนทำนายว่าการล็อกดาวน์เมืองต่างๆ จะส่งผลให้เศรษฐกิจจีนปีนี้เข้าสู้ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ในท้ายที่สุด
การเดินเรือก็ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากภาคการผลิตเช่นกัน โดยข้อมูลจาก Fourkites ระบุว่า ปริมาณสินค้าที่ออกจากท่าเรือเซี่ยงไฮ้ เดือนที่ผ่านมาลดลง 23% นับตั้งแต่เริ่มล็อกดาวน์ในวันที่ 12 มี.ค. 2022 และในอีก 6 สัปดาห์ข้างหน้า แผนการเดินเรือมีแนวโน้มลดลงกว่า 1 ใน 3 พร้อมกับเกิดปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ที่ท่าเรือเซี่ยงไฮ้ ซึ่งอาจกลายเป็นระเบิดเวลาได้ โดยหากจีนตัดสินใจคลายล็อกดาวน์ โรงงานกลับมาเดินสายการผลิตได้เต็มกำลัง จีนอาจไม่สามารถรับมือกับปริมาณสินค้าจำนวนมากได้ เนื่องจากตู้คอนเทนเนอร์ได้ไหลไปอยู่ที่ท่าเรือสหรัฐ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในช่วง COVID-19 ระบาดใหม่ๆ
ขณะที่ Nomura Holdings ประเมินว่าพื้นที่ที่ถูกล็อกดาวน์ทั้งหมด หรือบางส่วน คิดเป็นสัดส่วน 30% ของ GDP จีน โดยเฉพาะศูนย์กลางทางการเงินเซียงไฮ้ ที่แม้ผู้ติดเชื้อใหม่จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญแต่ก็ยังไม่มีมาตรการผ่อนปรนการคุมเข้มแต่อย่างใด
เช่นเดียวกับ Sheng Laiyun รองประธานสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน เปิดเผยว่าการระบาดของ COVID-19 ได้ส่งผลให้เศรษฐกิจเกิดภาวะช็อกครั้งใหญ่ ห่วงโซ่อุปทานแบตเตอรี่ติดขัด เงินเฟ้อพุ่งสูงกว่าที่คาดในเดือนที่ผ่านมา กิจกรรมภาคบริการหดตัวแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี และความเชื่อมั่นผู้บริโภค-การใช้จ่ายยังคงอ่อนแอ อย่างไรก็ตามการประชุมคณะกรรมการพรรคครั้งล่าสุด มีการระบุถึงนโยบายที่รวมถึงการขยายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน จึงมั่นใจว่าเศรษฐกิจจีนมีโอกาสบรรลุเป้าหมายการเติบโตในปีนี้ที่ 5.5%
ที่มา:
