×

Wealth Me Up ให้เงินทำงาน

5 หุ้นคุณค่า Carl lcahn ลงทุนปี 2565

1,331

 

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…

Facebook | Line | Youtube | Instagram

 

คาร์ล ไอคาห์น (Carl Icahn) ถ้าเอ่ยชื่อนี้ นักลงทุนคงคุ้นเคยดีว่าเป็นนักลงทุนระดับโลก“Carl Icahn” ได้รับฉายาว่า “นักล่ากิจการ” จากการชอบค้นหาและทยอยซื้อหุ้นของบริษัทที่ต่ำกว่ามูลค่า (Undervalued) ปัจจุบันเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Icahn Enterprises ที่ดำเนินธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม และบริหารเงินลงทุนกว่า $2 หมื่นล้าน ผ่าน Icahn Capital เขาชื่นชอบลงทุนในธุรกิจที่มีความมั่นคง มีสินทรัพย์และเงินสดเยอะ ๆ วิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐานและเน้นถือยาว พูดง่าย ๆ เน้นลงทุนหุ้นคุณค่า

 

ถ้าพูดถึงสไตล์การลงทุนของ คาร์ล ไอคาห์น หลัก ๆ คือ วิเคราะห์หาธุรกิจที่ราคาหุ้นปรับลดลง ด้วยเหตุผลการบริหารกิจการไม่มีประสิทธิภาพ จากนั้นก็จะทยอยซื้อหุ้นอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และเป็นกรรมการบริษัทในที่สุด เขาถึงได้รับฉายาว่า นักล่ากิจการ

 

แต่ในอีกมุมหนึ่ง คาร์ล ไอคาห์น บอกว่าตัวเองก็พยายามมองหาธุรกิจที่มีสินทรัพย์และเงินสดเป็นจำนวนมาก เขาบอกกับสื่อต่างประเทศบ่อย ๆ ว่า “ผมเป็นนักลงทุนที่เน้นคุณค่า” โดยจะค้นหาบริษัทที่มีคุณค่าและยังไม่มีใคเห็น ขณะเดียวกันผู้บริหารก็ยังใช้ประโยชน์จากคุณค่าเหล่านั้นเพื่อสร้างความได้เปรียบได้ไม่เต็มที่ สะท้อนให้เห็นว่าเขายึดหลักการวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐาน พิจารณาความเสี่ยงเปรียบเทียบกับผลตอบแทนที่จะได้รับ ที่สำคัญเมื่อลงทุนไปแล้วจะถือในระยะยาว

 

ในไตรมาส 1 ปี 2565 Icahn Capital มีสัดส่วนการถือครองหลักทรัพย์ 10 อันดับแรก คิดเป็นประมาณ 97% ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด โดยมีการลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น สาธารณูปโภค การดูแลสุขภาพ การเงิน เทคโนโลยี เป็นต้น และจากข้อมูลที่รายงานไปยังสำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐอเมริกา (31 มีนาคม 2565) คาร์ล ไอคาห์น มีเงินลงทุนประมาณ 21.80 พันล้านดอลลาร์ผ่าน Icahn Capital

 

จากข้อมูล Icahn Capital พบว่ามีหุ้นที่คาร์ล ไอคาห์น ลงทุนเพิ่มในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ พบว่าส่วนใหญ่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีอัตราส่วนทางการเงินที่น่าสนใจ และหุ้นแต่ละตัวเป็นหุ้นคุณค่า ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ประเมินว่ามีอนาคตและน่าซื้อ โดยหุ้นที่โดดเด่นและตลาดกล่าวถึงมากที่สุดมี 5 บริษัท

 

CVR Energy, Inc. (CVI)

 

ดำเนินธุรกิจการกลั่นปิโตรเลียมและผลิตปุ๋ยไนโตรเจนในสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในหุ้นอันดับต้น ๆ ของ Icahn Capital โดย ณ 31 พฤษภาคม 2565 มีเงินลงทุนมูลค่า 1.82 พันล้านดอลล่าร์ คิดเป็น 8.31% ของพอร์ตลงทุนรวม และเป็นหนึ่งในหุ้นที่ คาร์ล ไอคาห์น ลงทุนแล้วคุ้มค่าที่สุด โดยวันที่ 3 มกราคม 2565 ราคาหุ้น CVI อยู่ที่ 17.80 ดอลล่าร์ วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา อยู่ที่ 33.63 ดอลล่าร์ หรือเพิ่มขึ้น 88.93%

 

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2565 CVI มีรายได้รวม 2.37 พันล้านดอลลาร์ กำไรสุทธิ 94 ล้านดอลล่าร์ กำไรต่อหุ้น 0.02 ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมาจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดมาโดยตลอด ล่าสุดปี 2564 จ่าย 0.40 ดอลล่าร์

 

นอกจาก คาร์ล ไอคาห์น เข้าลงทุนใน CVI แล้ว ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2565 ยังมีกองทุนเฮจฟันด์อีก 17 กองทุนที่ถือหุ้นบริษัทนี้ด้วยมูลค่าเงินลงทุนรวม 1.88 พันล้านดอลล่าร์ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่ลงทุน 14 กองทุน มูลค่าเงินลงทุน 1.23 พันล้านดอลล่าร์ โดย Phil Gresh นักวิเคราะห์ของเจพี มอร์แกน ได้ปรับขึ้นราคาเป้าหมาย CVI จาก 26 ดอลล่าร์ เป็น 32 ดอลล่าร์

 

Delek US Holdings, Inc. (DK)

 

ดำเนินธุรกิจพลังงานที่หลากหลาย โดยมีสินทรัพย์ในการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม การขนส่ง ยางมะตอยเชื้อเพลิงทดแทน การค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ มีสำนักงานใหญ่ในรัฐเทนเนสซี โดยวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา มีมูลค่ามีมูลค่าเงินลงทุน 28.41 ล้านดอลล่าร์ คิดเป็น 0.12% ของพอร์ตการลงทุนรวม

 

DK ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2565 มีรายได้รวม 4.46 พันล้านดอลลาร์ กำไรสุทธิ 6.6 ล้านดอลล่าร์ กำไรต่อหุ้น 0.58 ดอลลาร์ สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดพอสมควร เพราะคาดการณ์ไว้ว่าจะติดลบ 0.14%

 

ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2565 ยังมีกองทุนเฮจฟันด์อีก 24 กองทุนที่ถือหุ้นบริษัทนี้ด้วยมูลค่าเงินลงทุน 184.06 ล้านดอลล่าร์ และ Ryan Todd นักวิเคราะห์ของ Piper Sandler ได้ปรับขึ้นราคาเป้าหมาย DK เป็น 41 ดอลล่าร์ จากเดิม 34 ดอลล่าร์

 

Cheniere Energy, Inc. (LNG)

 

ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในสหรัฐอเมริกา โดยวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา Icahn Capital ถือหุ้นประมาณ 9.7 ล้านหุ้นใน LNG คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุน 1.34 พันล้านดอลลาร์ สัดส่วน 6.16% ของพอร์ตลงทุนรวม

 

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2565 มีรายได้รวม 7.48 พันล้านดอลลาร์ ขาดทุนสุทธิ 883 ล้านดอลล่าร์ แต่ถึงแม้จะขาดทุนแต่ 2 ปีที่ผ่านมาก็จ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดมาโดยตลอด ปี 2564 จ่าย 0.33 ดอลล่าร์ และปีล่าสุดจ่ายไปแล้วสองงวด งวดละ 0.33 ดอลล่าร์ รวมเป็น 0.66 ดอลล่าร์

 

ถ้าหากดูราคาหุ้นนับตั้งแต่ต้นปีนี้ก็ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยวันที่ 3 มกราคม 2565 ราคาหุ้นอยู่ที่ 102.49 ดอลล่าร์ วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา อยู่ที่ 131.95 ดอลล่าร์ หรือเพิ่มขึ้น 28.74% ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2565 ยังมีกองทุนเฮจฟันด์อีก 62 กองทุนที่ถือหุ้นบริษัทนี้ด้วยมูลค่าเงินลงทุน 3.20 พันล้านดอลล่าร์ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่มีเพียง 52 กองทุน และ Elvira Scotto นักวิเคราะห์ของ RBC Capital ได้ปรับขึ้นราคาเป้าหมายหุ้น LNG เป็น 178 ดอลล่าร์ จาก 151 ดอลล่าร์ โดยประเมินว่าธุรกิจจะได้รับประโยชน์จากความต้องการก๊าซธรรมชาติเหลวที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก

 

Newell Brands Inc. (NWL)

 

ดำเนินธุรกิจออกแบบ ผลิต จัดหาและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคและเชิงพาณิชย์ทั่วโลก เช่น เครื่องใช้ในบ้าน อุปกรณ์การเรียนรู้และการพัฒนา อุปกรณ์กลางแจ้งและสันทนาการ โดยวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา Icahn Capital ถือหุ้นประมาณ 33.07 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุน 708.03 ล้านดอลลาร์ สัดส่วน 3.23% ของพอร์ตลงทุนรวม

 

เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา NWL ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2565 มีรายได้รวม 2.39 พันล้านดอลลาร์ กำไรสุทธิ 234 ล้านดอลล่าร์ กำไรต่อหุ้น 0.36 ดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมาจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดมาโดยตลอด ที่สำคัญจ่ายปันผลเป็นรายไตรมาส ล่าสุดไตรมาส 1 และ 2 ปี 2565 จ่าย 0.23 ดอลล่าร์ และ 0.23 ดอลล่าร์ ตามลำดับ

 

ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2565 ยังมีกองทุนเฮจฟันด์อีก 31 กองทุนที่ถือหุ้นบริษัทนี้ด้วยมูลค่าเงินลงทุน 1.64 พันล้านดอลล่าร์ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่มีเพียง 26 กองทุน และ Angrea Teixeira นักวิเคราะห์ของเจพี มอร์แกน ประเมินราคาเป้าหมายหุ้น NWL ที่ระดับ 26ดอลล่าร์

 

Herc Holdings Inc. (HRI)

 

ดำเนินธุรกิจผู้จัดหาอุปกรณ์ บริการให้เช่า เช่น อุปกรณ์ความปลอดภัย รถที่ใช้ในโรงงาน รถบรรทุกขนาดเล็ก รถยก ในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ โดยวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา Icahn Capital ลงทุนคิดเป็นมูลค่า 672.18 ล้านดอลลาร์ สัดส่วน 3.07% ของพอร์ตลงทุนรวม

 

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2565 มีรายได้รวม 567 ล้านดอลลาร์ กำไรสุทธิ 58.50 ล้านดอลล่าร์ กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.95 ดอลล่าร์ โดยไตรมาส 1 และ 2 จ่ายเงินปันผลเป็นเงินสด 0.575 ดอลล่าร์ และ 0.575 ดอลล่าร์ ตามลำดับ

 

ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2565 ยังมีกองทุนเฮจฟันด์อีก 25 กองทุนที่ถือหุ้นบริษัทนี้ด้วยมูลค่าเงินลงทุน 1.41 พันล้านดอลล่าร์ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ลงทุน 27 กองทุน รวมเงินลงทุน 1.36 พันล้านดอลล่าร์ และ Mircea Dobre นักวิเคราะห์ของ Baird ประเมินราคาเป้าหมายหุ้นที่ระดับ 158 ดอลล่าร์ วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา อยู่ที่ 91.69 ดอลล่าร์

#WealthMeUp

Related Stories

amazon anti fatigue mats