1O หุ้นไทย มีเงินสดในมือ พื้นฐานแน่น
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
ถ้าเอ่ยถึงตัวช่วยนักลงทุนที่บอกถึงความสามารถในการทำธุรกิจ ตัวช่วยแรก ๆ ที่นึกถึง คือ กำไรสุทธิ ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการทำกำไร โดยนักลงทุนจะใช้ประเมินรายได้ที่เกินรายจ่ายของบริษัท
แต่ในบางครั้งการเห็นกำไรสุทธิสูง ๆ อาจไม่ได้ความว่าบริษัทนั้น “มีเงินสดสูง ๆ” เพราะถ้ามีรายจ่ายออกไปเยอะ ๆ และเร็ว ๆ บริษัทอาจกำลัง “เงินสดขาดมือ” พูดง่าย ๆ ถึงแม้จะทำกำไรได้สูง แต่เงินสดที่เข้ามาช้า ขณะที่ต้องจ่ายออกไปทุกวัน ๆ อาจทำให้การทำธุรกิจหยุดชะงัก ยิ่งถ้ามีเงินกู้และถึงวันต้องจ่ายหนี้ แต่ไม่มีเงินจ่ายหนี้ก็มีโอกาสล้มละลาย
ดังนั้น นอกจากนักลงทุนจะดูตัวเลขกำไรสุทธิ ตัวเลขที่ควรพิจารณา คือ กระแสเงินสด เพราะการมีเงินสดไหลเข้ามาสม่ำเสมอ ย่อมดีกว่ามีกำไรสูง ๆ แต่เงินสดขาดมือ
การมองหาหุ้นที่มีเงินสดสูง ๆ สามารถดูจากงบกระแสเงินสด (Statement of Cash Flows) โดยในงบดังกล่าวที่บ่งบอกว่าบริษัทมีเงินสด คือ งบกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (Cash Flow from Operating : CFO) ซึ่งเป็นกระแสเงินสดของบริษัทที่ทำให้เกิดรายได้และค่าใช้จ่าย
- รายได้มากกว่ารายจ่าย งบกระแสเงินสดจากการดำเนินงานจะ “เป็นบวก” หมายความว่า บริษัทมีเงินสด มีสภาพคล่อง สามารถนำไปจ่ายปันผล ขยายกิจการ หรือเมื่อเกิดวิกฤตก็มีเงินสดเพื่อทำธุรกิจต่อได้
- รายได้น้อยกว่ารายจ่าย งบกระแสเงินสดจากการดำเนินงานจะ “เป็นลบ” หมายความว่า บริษัทขาดเงินสด ไม่มีสภาพคล่อง และเมื่อเกิดวิกฤตก็อาจมีปัญหา เพราะไม่มีเงินในการทำธุรกิจ
กระแสเงินสด เป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ใช้ในการเลือกหุ้น เพราะแสดงถึงสถานะทางการเงินและความยั่งยืนของบริษัท โดยนักลงทุนจะทำการประเมินความสามารถของบริษัทในการสร้างเงินสดเพื่อใช้ในการดำเนินงาน การลงทุน การจ่ายปันผล หรือนำไปจ่ายหนี้ สำหรับประโยชน์เบื้องต้นที่บ่งบอกว่าบริษัทมีเงินสดในมือสูง ๆ เช่น
- สภาพคล่องสูง กระแสเงินสดที่ “เป็นบวก” สม่ำเสมอ บ่งบอกว่าบริษัทมีความสามารถในการสร้างเงินสดอย่างต่อเนื่องและเพียงพอในการนำไปใช้ในการดำเนินงานในแต่ละวัน โดยหลักฐานที่บอกว่าบริษัทมีสภาพคล่องเพียงพอ เช่น จ่ายเงินเดือนพนักงาน จ่ายเงินให้ซัพพลายเออร์ หรือจ่ายหนี้
- ขยายกิจการ กระแสเงินสดจะช่วยให้บริษัทสามารถนำไปลงทุนขยายกิจการได้ตามแผนงานที่วางเอาไว้ เพื่อให้เติบโตและมีความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว
- จ่ายเงินปันผล บริษัทที่มีกระแสเงินสด “เป็นบวก” สม่ำเสมอ มักจะเป็นหุ้นที่จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
- จ่ายหนี้ บริษัทที่มีกระแสเงินสด “เป็นบวก” สม่ำเสมอ จะมีความสามารถในการจ่ายหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย จึงลดความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ ขณะเดียวกันก็เป็นบริษัทที่มีอันดับเครดิตที่ดี
- ความยืดหยุ่นในช่วงเศรษฐกิจซบเซา บริษัทที่มีกระแสเงินสด “เป็นบวก” สม่ำเสมอ จะรับมือกับภาวะเศรษฐกิจซบเซาได้มีประสิทธิภาพ เพราะการมีเงินสดจะช่วยให้เกิดความยืดหยุ่นในช่วงยากลำบาก เช่น นำไปขยายธุรกิจ
แม้ว่ากระแสเงินสดจะบ่งบอกว่าบริษัทแข็งแกร่งด้านสถานะทางการเงิน แต่นักลงทุนควรวิเคราะห์ข้อมูลอื่น ๆ ควบคู่ก่อนตัดสินใจลงทุนด้วย เช่น การเติบโตของรายได้ อัตรากำไร ระดับหนี้สิน รวมถึงอัตราส่วนการเงินต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจมากขึ้นว่าสถานะทางการเงินของบริษัทแข็งแกร่ง