×

Wealth Me Up ให้เงินทำงาน

1O กองทุนรวมหุ้นอินเดีย ผลตอบแทนโดดเด่น

1,130

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย

Facebook | Line Youtube | Instagram

 

บริษัทวิจัย BMI เปิดเผยรายงานล่าสุดเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่าเศรษฐกิจอินเดียจะมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก เป็นรองแค่สหรัฐอเมริกาและจีนภายในปี 2570 จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนครัวเรือนที่มีรายได้ปานกลางไปจนถึงรายได้สูง

 

โดยประเมินว่าตลาดผู้บริโภคมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการใช้จ่ายในภาคครัวเรือนของอินเดียจะทะลุ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากรายได้หลังหักภาษีจะเพิ่มขึ้นรวม 14.6% ต่อปี จนถึงปี 2570 โดยคาดว่า 25.8% ของภาคครัวเรือนอินเดียจะมีรายได้หลังหักภาษีรายปีประมาณ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ปัจจุบันตลาดผู้บริโภคอินเดียมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก และจะเป็นอันดับ 3 จากการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งการเติบโตของการใช้จ่ายต่อหัวของครัวเรือนจะแซงหน้าประเทศกำลังพัฒนา เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย และช่องว่างระหว่างการเติบของการใช้จ่ายภาคครัวเรือนจะเพิ่มเป็น 3 เท่า เมื่อเทียบกับประเทศกลุ่มอาเซียน

 

จากสถานการณ์สดใส ทำให้ฟิทช์ เรตติ้ง สถาบันจัดอันดับปัจจุบันปรับประมาณการการเติบโตเศรษฐกิจอินเดียปีงบประมาณ 2566–2567 เป็น 6.3% (จากเดิมที่ประมาณการณ์ 6%) 

 

ส่วนสำนักข่าว Bloomberg ประเมินว่าปีนี้ทั้งปีเศรษฐกิจอินเดียจะเติบโต 7% ถือว่าเป็นอัตราการเติบโตสูงที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศหลัก ๆ ในเอเชีย แม้แต่ Ray Dalio เจ้าของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก กล่าวว่าได้เห็นโอกาสการลงทุนในอินเดียที่มีอย่างมหาศาล และอินเดียจะเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เร็วที่สุดในโลก

 

สำนักข่าว Bloomberg รายงาน (5 กันยายน 2566) เปิดเผยข้อมูลว่าตั้งแต่ต้นปีถึง 1 กันยายนที่ผ่านมา กองทุนรวมต่างประเทศเข้าซื้อหุ้นอินเดียมูลค่าประมาณ 17,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติ นอกจากหุ้นขนาดใหญ่ที่ได้รับอานิสงส์แล้ว หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กได้รับประโยชน์ตามไปด้วย ทำให้มาร์เก็ตแคป ตลาดหุ้นอินเดียปรับเพิ่มเป็น 3.75 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา

 

โดย 3 ปีที่ผ่านมา ดัชนี BSE SENSEX ณ วันที่ 24 กันยายน 2563 ปิดที่ 37,388.66 จุด ล่าสุด 21 กันยายน 2566 ปิดที่ 66,009.15 จุด เพิ่มขึ้น 77.05% เช่นเดียวกับดัชนี NIFFY50 เพิ่มขึ้น 78.68% เนื่องจากนักลงทุนมองว่า ผลประกอบการของบริษัทอินเดียแข็งแกร่งจึงเป็นอีกทางเลือกการลงทุนแทนตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชียเกือบทุกแห่ง

 

สำหรับมุมมองการลงทุนในหุ้นอินเดีย บลจ.กสิกรไทย ให้ความเห็นว่าตลาดหุ้นอินเดียยังถือว่ามีความสำคัญในแง่การจัดพอร์ตในระยะยาว เนื่องจากเศรษฐกิจจะยังมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตที่ดี จากพลังการบริโภคมหาศาลในภูมิภาค (ประชากรที่มากเป็นอันดับ 2 ของโลก) และแรงขับเคลื่อนจากนวัตกรรมเทคโนโลยี  

 

อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นหากพิจารณาจากราคาหุ้น ถือว่าหุ้นอินเดียราคาค่อนข้างแพงกว่าประเทศอื่น และสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต จึงแนะนำให้รอจังหวะที่ตลาดปรับฐาน แล้วทยอยเข้าสะสมเพิ่ม

 

#WealthMeUp

Related Stories

amazon anti fatigue mats