Webull โบรกเกอร์ชั้นนำจากสหรัฐฯ พร้อมบุกตลาดไทย
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Youtube | Facebook | TikTok | Instagram | Line
Webull โบรกเกอร์ชั้นนำสัญชาติสหรัฐฯ รายแรก ที่ได้รับอนุญาตการให้บริการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในไทย ด้วยยอดดาวน์โหลดมากกว่า 40 ล้านครั้ง พร้อมเข้าสู่สนามการลงทุนแล้ว และเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยได้สัมผัสประสบการณ์เทรด ‘หุ้นสหรัฐฯ มากกว่า 15,000 บริษัทชั้นนำ’ รวมถึงกองทุน ETF สัญญาออปชัน และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อีกมากมาย นักลงทุนจะได้สัมผัสประสบการณ์เทรดแบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมโปรโมชัน ‘ค่าคอมมิชชัน 0%’ สำหรับนักลงทุนรายย่อยชาวไทยทุกคน
แพลตฟอร์มการลงทุนของ Webull Thailand เปิดให้ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ ทั้ง AppStore และ PlayStore โดยศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.webull.co.th
AppStore : https://apple.co/3XuRifR
PlayStore : https://bit.ly/3Xzcm4S
ทำไมต้อง Webull ?
คุณชลเดช เขมะรัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. วีบูลล์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ‘Webull Thailand’ ได้เล็งเห็นว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีประชากร 66 ล้านคน และนักลงทุนไทยมี 2.6 ล้านคน จึงมองเห็นโอกาสเติบโตของตลาดทุนไทย และเมื่อถามว่าทำไมต้องเป็นหุ้นสหรัฐฯ คุณชลเดชมองว่า ไม่ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในอนาคตจะเป็นอย่างไร ตลาดหุ้นซึ่งมีมาร์เก็ตแคปเกือบครึ่งหนึ่งของโลก ยังจะเป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่และความสำคัญก็ยังคงเหมือนเดิม
ทั้งนี้จุดเด่นของ Webull ที่จะมาตอบโจทย์นักลงทุนไทยมีดังนี้
1. Professional Multi-device Tools | มีเครื่องมือที่ดี
- Real-time Quote ดูราคาหุ้นได้เรียลไทม์และดู Bids–Offers ได้ถึง 50 ช่อง
- 7 Order Types ตั้งคำสั่งซื้อ-ขายได้หลากหลายประเภท
- Fundamental Data มีข้อมูลพื้นฐานครอบคลุม
- Technical Analysis วิเคราะห์สัญญาณทางเทคนิค
- Quant Score วัดคะแนนในแต่ละด้านของหุ้นผ่านการวิเคราะห์เชิงปริมาณ
- Screener ช่วยคัดกรองหุ้นได้ตามที่นักลงทุนต้องการ
2. Competitive Pricing Scheme | มีราคาที่เหมาะสม
ไม่เก็บค่าคอมมิชชันขั้นต่ำ มีโปรโมชันสม่ำเสมอสำหรับนักลงทุน
3. Investment Education | มีการให้ความรู้การลงทุน
พร้อมทั้งสอนวิธีการใช้เครื่องมือการลงทุน
แล้วอะไรคือเหตุผลที่ควรลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ?
คุณ Tim Edwards, Ph.D. หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนในดัชนี S&P Dow Jones Indices ยังได้แลกเปลี่ยนมุมมองและวิเคราะห์โอกาสของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มีขนาดประมาณ 53 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วนประมาณ 10% ที่อยู่ในดัชนี S&P 500 ซึ่งดัชนี S&P 500 ถือเป็นดัชนีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก และการลงทุนในดัชนีก็มีข้อได้เปรียบที่สำคัญ คือมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าหลายครั้งเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในกองทุนที่บริหารโดยผู้จัดการที่เลือกหุ้น
โดยในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา กองทุนที่จัดการโดยการบริหารแบบเชิงรุกได้ให้ผลดำเนินงานดังนี้
- 60% ไม่สามารถอยู่รอดได้
- 30% อยู่รอดได้แต่ผลตอบแทนต่ำกว่าดัชนี S&P 500
- 10% อยู่รอดได้ และผลตอบแทนดีกว่าดัชนี S&P 500
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา มีการลงทุนในกองทุนดัชนีที่เพิ่มขึ้น
ส่วนเรื่องความเสี่ยงที่หลายคนอาจจะกังวลอย่างการเลือกตั้งสหรัฐฯ โดยทั่วไปแล้วตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากการที่พรรคไหนจะชนะการเลือกตั้ง โดยข้อมูลตั้งแต่ปี 1928–2020 แสดงให้เห็นว่าผลตอบแทนเฉลี่ยของดัชนี S&P 500 ในช่วงเวลาที่มีการเลือกตั้งกับช่วงที่ไม่มีการเลือกตั้งไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
- ผลตอบแทนเฉลี่ยสำหรับไตรมาส 4 ของปีที่มีการเลือกตั้งคือ 2.3% ต่อปี
- ผลตอบแทนเฉลี่ยสำหรับไตรมาส 4 ของปีอื่นๆ คือ 2.9% ต่อปี
- ผลตอบแทนเฉลี่ยสำหรับไตรมาสอื่นๆ คือ 2.0% ต่อปี
Cboe ตลาดสัญญาออปชันที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
คุณ Sharon Ang, CFA หัวหน้าฝ่ายขายตราสารอนุพันธ์ระดับโลก ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จาก Cboe ซึ่งเป็นตลาดสัญญาออปชันที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ได้มาแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับสัญญาออปชัน ว่าปัจจุบันตลาดออปชันในสหรัฐฯ มีการเติบโตที่แข็งแกร่ง และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทุกปีถือเป็นปีที่ทำสถิติใหม่
ตลาดออปชันในสหรัฐฯ มีมูลค่ารวมกว่า 2.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแบ่งประเภทเป็น Single Stock, ETF Options และ Index Options ในส่วนของปริมาณการซื้อขายเกือบๆ 50 ล้านสัญญาต่อวัน ซึ่งถือเป็นปริมาณซื้อขายที่มีขนาดใหญ่มาก
ปัจจุบันนี้ทาง Webull ก็ได้มีบริการ Index Options และภายในสิ้นปีนี้จะมีการให้บริการ Single Stock Options
ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่จะได้เปิดประสบการณ์ซื้อขาย Single Stock Options ที่มีการซื้อขายในตลาด
นอกจากนี้ยังมีการแนะนำสัญญาออปชันที่หมดอายุในวันเดียว (0DTE) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่กำลังได้รับความสนใจในสหรัฐฯ เป็นการซื้อขายสัญญาออปชันที่มีวันหมดอายุระยะสั้นมาก จะมีการหมดอายุในทุกวัน ซึ่งจะช่วยให้สามารถซื้อขายสัญญาออปชันได้แม่นยำ และป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ
อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญของงานสัมมนา คือโปรโมชันพิเศษสำหรับผู้เปิดบัญชีกับทาง Webull รับโปรโมชันค่าคอมมิชชัน 0% ในช่วง 90 วันแรกทันทีหลังการเปิดบัญชีสำเร็จ ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2567 เวลา 17:00 น. ถึง 31 ตุลาคม 2567 เวลา 16:59:59 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าปัจจุบันที่ได้ทำการซื้อขายผ่าน Webull อยู่แล้วจะได้เข้าร่วมแคมเปญค่าคอมมิชชัน 0% เช่นกัน ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2024*
แพลตฟอร์มการลงทุนของ Webull Thailand เปิดให้ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ ทั้ง AppStore และ PlayStore โดยศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.webull.co.th
AppStore:https://apple.co/3XuRifR
PlayStore:https://bit.ly/3Xzcm4S
*แคมเปญค่าคอมมิชชั่น 0% สำหรับผู้ใช้เดิม:
1. ผู้มีสิทธิ์: ผู้ใช้ทุกคนที่มียอดเงินฝากแล้วก่อนวันที่ 16 กันยายน เวลา 17:00 (ไม่ต้องดำเนินการใดๆ)
2. รางวัล: ช่วงเวลาปลอดค่าคอมมิชชันตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน เวลา 17:00 ถึง 15 ธันวาคม เวลา 16:59:59
**แคมเปญค่าคอมมิชชั่น 0% สำหรับผู้ใช้ใหม่:
1. ผู้มีสิทธิ์: ผู้ใช้ทุกคนที่เปิดบัญชีสำเร็จหลังวันที่ 16 กันยายน เวลา 17:00 น.
2. รางวัล: ช่วงเวลาปลอดค่าคอมมิชชัน 90 วัน นับจากวันที่เปิดบัญชีสำเร็จ
***รายละเอียดแคมเปญฝากเงิน:
1. ระยะเวลาแคมเปญ: 16 กันยายน เวลา 17:00:00 ถึง 31 ตุลาคม เวลา 16:59:59
2. เงื่อนไข:
(1) ทำการฝากเงินสุทธิสะสมจำนวน 20,000 บาท ภายในระยะเวลาแคมเปญ และรักษายอดเงินฝากนี้เป็นเวลา 30 วัน นับจากวันที่มียอดเงินฝากสุทธิครบ 20,000 บาท
(2) ทำการซื้อขาย 5 รายการ ภายในระยะเวลาแคมเปญ
3. รางวัล: หุ้นฟรีมูลค่า 1,000 บาท (สุ่มจาก NVDA, MSFT, BRKB, GOOG, AAPL, TSLA)
คำเตือน : การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน