เปิดผลสำรวจ คนไทยพร้อมเกษียณแค่ไหน?
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Youtube | Facebook | TikTok | Instagram | Line
ในขณะที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโครงสร้างประชากรที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยคาดการณ์ว่าในปี 2568 ไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ซึ่งหมายถึงการมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 20% ของประชากรทั้งหมด คำถามสำคัญคือ คนไทยมีการเตรียมตัวอย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้?
Wealth Me Up ร่วมกับ Crowdabout จัดทำผลสำรวจความพร้อมในการเกษียณของคนไทย โดยคุณพิชชาภา สุขวณิช CEO และ Co-Founder ของ Crowdabout ได้มาร่วมให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลสำรวจในครั้งนี้ในรายการลงทุนนิยม เกษียณสุข The Series
สำรวจพฤติกรรมการเกษียณของคนไทย
การศึกษาล่าสุดโดย Crowdabout ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับทัศนคติและการวางแผนเกษียณของคนไทย ผ่านการสำรวจกลุ่มตัวอย่างที่ครอบคลุมทั้งในเชิงภูมิศาสตร์และประชากรศาสตร์ โดยกลุ่มตัวอย่างจำนวน 2,200 คน ประกอบด้วย
- กลุ่ม First Jobber (อายุ 22–25 ปี) จำนวน 390 คน
- กลุ่ม Early Working (อายุ 26–35 ปี) จำนวน 982 คน
- กลุ่ม Mid Working (อายุ 36–45 ปี) จำนวน 552 คน
- กลุ่ม Late Working (อายุ 46 ปีขึ้นไป) จำนวน 309 คน
“การกระจายกลุ่มตัวอย่างให้ครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด รวมถึงความหลากหลายด้านการศึกษา ช่วยให้เห็นภาพรวมของทัศนคติต่อการเกษียณได้ชัดเจนขึ้น” คุณพิชชาภา กล่าว
ผลการสำรวจครั้งนี้ พบว่า 80% ของกลุ่มตัวอย่างจะสามารถระบุอายุเกษียณที่ต้องการได้ ส่วนอีก 20% ตอบว่าจะทำงานไปเรื่อยๆ จนกว่าจะทำงานไม่ไหว ซึ่งผู้ตอบส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่ม First Jobber และ Early Working
คำตอบที่ได้ สะท้อนว่าทัศนคติต่อการเกษียณมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างช่วงวัย โดยคนรุ่นใหม่มีมุมมองต่อการทำงานและการเกษียณที่แตกต่างจากคนรุ่นก่อนอย่างชัดเจนเนื่องจากมีรูปแบบการใช้ชีวิตและความเชื่อที่แตกต่างกัน
นอกจากนี้ ยังสะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของแนวคิดเรื่องการเกษียณในสังคมไทย โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มองว่าการทำงานเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต มากกว่าจะเป็นเพียงช่วงเวลาที่ต้องจบลงด้วยการเกษียณอายุ ซึ่งอาจนำไปสู่ความท้าทายทางการเงินในระยะยาว เมื่อพิจารณาถึงค่าครองชีพที่สูงขึ้นและอายุขัยเฉลี่ยของคนไทยที่ยาวนานขึ้น
พฤติกรรมการออม “อายุมากขึ้น สัดส่วนการออมสูงขึ้น”
ผลสำรวจพบว่าแนวโน้มการออมจะเพิ่มขึ้นตามอายุ โดย 72% ของผู้ตอบแบบสอบถามทุกช่วงวัย ระบุว่าพวกเขามีสัดส่วนเงินออมและลงทุนเพื่อเกษียณเพิ่มสูงขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น
เมื่อวิเคราะห์รายละเอียดเกี่ยวกับพฤติกรรมการออม พบว่า
57% เลือกออมผ่านบัญชีเงินฝากและสลากออมสิน
8% เลือกออมผ่านการซื้อประกัน
6% ลงทุนในกองทุนรวม
ขณะเดียวที่ กลุ่มที่ไม่ออมเงินให้เหตุผลว่า
47.62% ต้องนำเงินไปชำระหนี้
27.62% มีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นมากกว่าการออมเงิน
12.38% ไม่มีเป้าหมายในการออม
12.38% ต้องส่งเงินให้ครอบครัว
แนวโน้มดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าความสามารถในการออมเงินของแต่ละบุคคล ถูกกำหนดโดยภาระทางการเงินมากกว่าความตั้งใจในการออม อีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการออมคือ โครงสร้างค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันตามช่วงวัย ผลสำรวจระบุว่า
- ค่าใช้จ่ายด้านการผ่อนบ้านเพิ่มสูงขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น
- การใช้จ่ายเพื่อความบันเทิงลดลงตามอายุ
- ค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวมีแนวโน้มคงที่ในทุกช่วงวัย
บทสรุป แนวโน้มนี้สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ที่มีอายุมากขึ้นเริ่มให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางการเงินมากขึ้น ขณะที่วัยเริ่มทำงานเน้นใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์และไลฟ์สไตล์มากกว่า