The Richest Man in Babylon บทเรียนการเงินจากคนรวยที่สุดในบาบิโลน
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Youtube | Facebook | TikTok | Instagram | Line
ชีวิตหมุนวนจากเงินเดือนชนเดือนใช่หรือไม่? ฝันอยากมีอิสรภาพทางการเงินแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน คุณไม่ได้เผชิญปัญหานี้อยู่คนเดียว และโชคดีที่มี “คู่มือ” ที่อยู่ยงคงกระพันมานับพันปีอย่าง “The Richest Man in Babylon” หนังสือคลาสสิกเล่มนี้ไม่ได้ซับซ้อน แต่ถ่ายทอดเคล็ดลับการสร้างความมั่งคั่งผ่านนิทานสนุกๆ จากนครบาบิโลนโบราณ อารยธรรมที่เคยรุ่งเรืองสุดขีด แม้เวลาจะผ่านไปนานแต่หลักการยังใช้ได้จริงในโลกปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่อยากวางรากฐานการเงินให้มั่นคง ถ้าพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตทางการเงินของตัวเอง มาดูกันว่าบทเรียนเหนือกาลเวลาจากบาบิโลนจะช่วยให้เป็นเศรษฐีในแบบตัวเองได้อย่างไร
“The Richest Man in Babylon” เขียนโดย George S. Clason หลักการสร้างความมั่งคั่งผ่านเรื่องเล่าในเมืองบาบิโลนโบราณ ซึ่งเป็นอารยธรรมที่รุ่งเรืองและมั่งคั่งที่สุดแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์
ความน่าสนใจของหนังสือเล่มนี้คือ แม้จะผ่านมากว่า 4,000 ปี หลักการเหล่านี้ยังคงใช้ได้ผลในปัจจุบัน และสามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตคนไทยได้อย่างดี
ในยุคที่ค่าครองชีพสูงขึ้น เศรษฐกิจผันผวน และภาระหนี้สินครัวเรือนไทยอยู่ในระดับสูง หลักการจากเมืองบาบิโลนโบราณเหล่านี้จะช่วยให้วางรากฐานทางการเงินที่มั่นคง สร้างความมั่งคั่ง และมีอิสรภาพทางการเงินได้ ไม่ว่าคุณจะมีรายได้ระดับไหน หรือเริ่มต้นจากจุดใด
“อาร์คาด” คนรวยที่สุดในบาบิโลน
เรื่องราวเริ่มต้นที่เมืองบาบิโลนโบราณ มีชายคนหนึ่งชื่อ อาร์คาด เขาเป็นที่รู้จักในฐานะ “คนรวยที่สุดในบาบิโลน” แต่ทราบหรือไม่ว่า อาร์คาด ไม่ได้เกิดมาร่ำรวย เขาเป็นเพียงคนทำงานทั่วไป ไม่ต่างจากสังคมไทยในปัจจุบัน ที่หลายคนมีรายได้แบบเดือนชนเดือน
วันหนึ่ง อาร์คาด ถูกเพื่อนถามถึงความลับที่ทำให้เขากลายเป็นคนรวย เขาจึงเปิดเผยกฎข้อแรกและสำคัญที่สุด คือ “เงิน 1 ส่วนใน 10 ส่วนของรายได้ทั้งหมด จงเก็บไว้เป็นของตัวเองก่อน”
นี่คือแนวคิด “จ่ายให้ตัวเองก่อน” ซึ่งหมายความว่า ทุกครั้งที่เราได้รับเงินเดือนหรือรายได้ใดๆ ให้หักออก 10% ทันที และเก็บไว้เป็นเงินออมของตัวเอง ก่อนที่จะนำไปใช้จ่ายอย่างอื่น
หมายความว่า ทุกคนอาจปรับใช้ได้ง่ายๆ ด้วยการตั้งระบบหักเงินเดือนอัตโนมัติเข้าบัญชีออมทรัพย์ หรือลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เช่น หุ้น กองทุนรวม กองทุน SSF, RMF หรือ PVD ทันทีที่ได้รับเงินเดือน จากนั้นค่อยบริหารค่าใช้จ่ายจากเงินที่เหลือ
อาร์คาด พูดกับเพื่อนว่า “ไม่สำคัญว่าเรามีรายได้มากน้อยแค่ไหน แม้แต่คนที่มีรายได้น้อย ถ้าเริ่มต้นออม 10% อย่างสม่ำเสมอ ในระยะยาวจะสร้างความมั่งคั่งได้มากกว่าคนที่มีรายได้สูง แต่ใช้จ่ายหมดไม่เหลือเก็บ” คล้ายๆ สำนวนไทยที่ว่า “เก็บเล็กผสมน้อย”
“บันซีร์” คนขายตะกร้า
ต่อมาเป็นเรื่องของบันซีร์ เพื่อนสนิทของอาร์คาด บันซีร์เป็นเพียงคนขายตะกร้าที่มีรายได้น้อย แต่เขาปฏิบัติตามคำแนะนำของอาร์คาดด้วยการเก็บออม 10% ของรายได้ทุกเดือน แต่บันซีร์ไม่ได้แค่เก็บเงินไว้เฉยๆ เขาได้เรียนรู้หลักการสำคัญอีกข้อหนึ่ง คือ “ให้เงินทองทำงานแทนเรา” หรือการนำเงินออมไปลงทุนเพื่อสร้างรายได้เพิ่ม
บันซีร์พบช่างทองคนหนึ่งที่ต้องการเงินทุนในการซื้อทองคำเพื่อนำมาผลิตเครื่องประดับ เขาจึงนำเงินออมไปให้ช่างทองกู้ยืมโดยได้รับผลตอบแทนเป็นส่วนแบ่งจากกำไร นี่คือการลงทุน และทำให้เงินของบันซีร์งอกเงยขึ้นมาก
แต่บันซีร์เน้นย้ำเรื่องความรอบคอบในการลงทุน เขาปรึกษาผู้รู้และศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจ ไม่ลงทุนในสิ่งที่ไม่เข้าใจ เพราะ “เงินทองเป็นของหายาก อย่าทำให้หายไปในมือของคนที่ไม่รู้จักค่าของเงิน”
การจัดการหนี้สินของ “แมทธอน”
อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ คือ เรื่องของ แมทธอน ชายที่จมอยู่ในวังวนของหนี้สิน
แมทธอนเป็นชายหนุ่มที่มีรายได้ดี แต่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินตัว มีหนี้สินมากมาย จนเจ้าหนี้ติดตามทวงหนี้และข่มขู่จะจับเขาเป็นทาส เขาจึงขอคำปรึกษาจากผู้รู้ชื่อ เดยัส โดยเดยัสแนะนำให้แมทธอนทำสิ่งนี้
1. แบ่งรายได้เป็น 10 ส่วนเท่าๆ กัน
2. ใช้ 7 ส่วนสำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น
3. ใช้ 2 ส่วนเพื่อชำระหนี้ทั้งหมด โดยแบ่งจ่ายให้เจ้าหนี้แต่ละรายตามสัดส่วนที่เหมาะสม
4. เก็บไว้ 1 ส่วนเป็นเงินออมของตัวเอง
นี่คือแนวคิดที่สามารถนำมาปรับใช้กับปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทยซึ่งอยู่ในระดับสูงเกือบ 90% ของ GDP ในปัจจุบัน แทนที่จะพยายามชำระหนี้ทั้งหมดจนไม่เหลือเงินออม ให้วางแผนชำระหนี้อย่างมีระบบ พร้อมกับสร้างนิสัยการออมไปด้วย
หากมีหนี้หลายก้อน อาจใช้วิธีชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงก่อน หรือหาทางปรับโครงสร้างหนี้ เช่น การรวมหนี้เพื่อลดภาระดอกเบี้ย และที่สำคัญ คือ พยายามไม่ก่อหนี้เพิ่ม โดยเฉพาะหนี้เพื่อการบริโภคที่ไม่จำเป็น
บทเรียนเรื่องโชคและการเตรียมพร้อม
เรื่องต่อมาเป็นเรื่องของ โอลด์ คาลบาส พ่อค้าอูฐที่สอนบทเรียนสำคัญเรื่องโชคและการเตรียมพร้อม
วันหนึ่งมีชายหนุ่มคนหนึ่งมาบ่นกับคาลบาสว่า ตนไม่มีโชคในชีวิต ทำงานหนักแต่ไม่เคยรวย คาลบาสจึงเล่าเรื่องของตนเอง ว่าครั้งหนึ่งเขาพบเบาะแสเกี่ยวกับขุมทรัพย์ในทะเลทราย
คนอื่นๆ ที่ได้ยินเบาะแสเดียวกันรีบออกเดินทางไปทันที แต่คาลบาสใช้เวลาเตรียมตัว เตรียมเสบียง น้ำ และศึกษาเส้นทางอย่างละเอียด เมื่อเขาออกเดินทาง เขาพบคนที่ออกไปก่อนหน้านอนตายอยู่ในทะเลทราย เพราะไม่ได้เตรียมตัวให้พร้อม ส่วนคาลบาสสามารถเดินทางถึงขุมทรัพย์และนำกลับมาได้อย่างปลอดภัย
คาลบาสสรุปว่า “โชคมักเข้าข้างคนที่เตรียมพร้อม” เช่นเดียวกับการเงิน โอกาสมักมาพร้อมกับการเตรียมตัว คนที่มีเงินออม มีความรู้ด้านการลงทุน และไม่มีภาระหนี้สินล้นพ้นตัว จะพร้อมคว้าโอกาสเมื่อมันมาถึง
ในบริบทของคนไทย เราอาจเห็นได้ชัดในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ คนที่มีการวางแผนการเงินที่ดี มีเงินสำรองฉุกเฉิน จะสามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้ และบางคนยังสามารถหาโอกาสจากวิกฤต เช่น ซื้อสินทรัพย์ราคาถูกในช่วงตลาดตกต่ำ
ไม่ต้องรอให้รวยก่อนถึงจะวางแผนการเงิน หนังสือคลาสสิก The Richest Man in Babylon เผยเคล็ดลับสู่ความมั่งคั่งผ่านนิทานเปรียบเทียบจากบาบิโลนโบราณ พิสูจน์แล้วว่าหลักการง่ายๆ เหล่านี้ใช้ได้ผลจริงทุกยุคสมัย
หัวใจสำคัญ คือ การ “จ่ายให้ตัวเองก่อน” ด้วยการออมอย่างน้อย 10% ของรายได้ ควบคู่กับการควบคุมค่าใช้จ่าย นำเงินไปลงทุนอย่างเหมาะสม และปกป้องเงินออม นอกจากนี้ยังเน้นย้ำถึงการสร้างทรัพย์สิน การวางแผนเพื่ออนาคต และการพัฒนาความสามารถในการหารายได้อย่างต่อเนื่อง