1O กองทุน ETF ค่าย Charles Schwab ยอดสินทรัพย์รวมสูงสุด
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Youtube | Facebook | TikTok | Instagram | Line
Wealth Me Up คัดมาให้แล้ว! 10 กองทุน ETF ป๊อปปูลาร์สูงสุด จากค่าย Charles Schwab หนึ่งในผู้ให้บริการกองทุน ETF ที่ใหญ่ติดอันดับ 5 ของโลก
ถ้านึกถึงปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ผลตอบแทนในระยะยาวปรับลดลง ก็คือ ค่าธรรมเนียม อุปสรรคนี้ทำให้ Charles Schwab สถาบันการเงินระดับโลก ได้นำเสนอกองทุน ETF ที่มีจุดเด่นคือ ค่าธรรมเนียมต่ำเป็นพิเศษและซื้อขายไม่มีค่าคอมมิชชัน กลยุทธ์นี้ทำให้ Schwab กลายเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการกองทุน ETF ที่ใหญ่ติดอันดับ 5 ของโลก และเป็นตัวเลือกที่นักลงทุนไทยที่สนใจการลงทุนตลาดสหรัฐอเมริกา
Charles Robert Schwab คือผู้ก่อตั้ง Charles Schwab Corporation หนึ่งในกลุ่มธุรกิจบริการทางการเงินชั้นนำระดับโลก เส้นทางของเขาเริ่มต้นในปี 1963 ด้วยการเปิดตัวจดหมายข่าวการลงทุน ก่อนจะจดทะเบียนบริษัทแรกในปี 1971
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี 1975 เมื่อตลาดวอลล์สตรีท มีการปลดล็อกค่าคอมมิชชั่นซื้อขายหุ้น Schwab ได้อาศัยโอกาสนี้เปิดตัวธุรกิจ Discount Broker เต็มตัว โดยเน้นให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์แก่นักลงทุนรายย่อย ด้วยต้นทุนที่เข้าถึงได้ง่าย ทำให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาได้ง่ายขึ้น
บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วจากการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ เช่น ระบบซื้อขายอัตโนมัติ และบริการข้อมูลราคาตลอด 24 ชั่วโมง จนถึงปัจจุบัน Charles Schwab Corporation มีสินทรัพย์ลูกค้ารวมกว่า 10.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีบัญชีลูกค้าเกือบ 40 ล้านบัญชีทั่วโลก ธุรกิจหลักครอบคลุมตั้งแต่การซื้อขายหลักทรัพย์ การให้คำปรึกษาการลงทุน ไปจนถึง Wealth Management
ออกกองทุน ETF กลยุทธ์ต้นทุนต่ำ
การก้าวเข้าสู่ตลาด ETF ของ Charles Schwab เกิดขึ้นในช่วงปี 2009 ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจน คือ มอบโอกาสลงทุนในกองทุน ETF ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำและเข้าถึงง่ายสำหรับนักลงทุนทุกกลุ่ม โดยกองทุน ETF กองแรกที่เปิดตัว คือ Schwab U.S. Broad Market ETF (SCHB) ในเดือนพฤศจิกายน 2009 โดยเน้นการสร้างผลตอบแทนตามดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ครอบคลุมทั้งหุ้นขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก
โดยจุดขายที่ทำให้กองทุนของ Schwab ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว คือ การประกาศให้ซื้อขายได้ไม่มีค่าคอมมิชชัน สำหรับลูกค้าที่ใช้บัญชี Schwab ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยเร่งการเติบโตของกองทุน ETF ในช่วงนั้น พูดง่ายๆ จุดเริ่มต้นของกองทุน ETF จาก Charles Schwab คือ การใช้กลยุทธ์ค่าใช้จ่ายต่ำ เข้าถึงง่าย ไม่มีค่าคอมมิชชัน
จุดเด่นกองทุน ETF
กองทุน ETF ของ Schwab ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพของผลตอบแทนระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีจุดเด่นที่สำคัญ ดังนี้
- ค่าธรรมเนียมต่ำเป็นพิเศษ
จุดเด่นที่โดดเด่นที่สุด คือ อัตราค่าใช้จ่าย (Expense Ratio) ที่ต่ำมาก เช่น SCHB, SCHX, SCHG, SCHD และ SCHF มีค่าธรรมเนียมเพียง 0.03 – 0.06% ต่อปี ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำสุดของตลาด และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถือครองระยะยาว
- ซื้อขายแบบไม่มีค่าคอมมิชชัน
Schwab เป็นค่ายแรกๆ ที่ขับเคลื่อนยุค Zero Commission สำหรับธุรกิจกองทุน ETF ในกลุ่มนักลงทุนรายย่อย ทำให้นักลงทุนสามารถซื้อขายกองทุน ETF ของ Schwab บนแพลตฟอร์มได้โดยไม่มีค่าคอมมิชชัน
- ครอบคลุมหลากหลายกลยุทธ์การลงทุน
แม้จะเน้นต้นทุนต่ำ แต่ Schwab มีกองทุน ETF ที่หลากหลาย ครอบคลุมสินทรัพย์หลักที่นักลงทุนต้องการ ทั้งหุ้นสหรัฐอเมริกา, หุ้นขนาดใหญ่, หุ้นเติบโต, หุ้นปันผล, ตลาดหุ้นต่างประเทศ รวมถึงตราสารหนี้ โดยกองทุนเหล่านี้มีโครงสร้างที่ช่วยกระจายความเสี่ยงได้กว้าง เช่น กองทุน ETF SCHB มีหุ้นในพอร์ตมากกว่า 2,300 ตัว ครอบคลุมทุกกลุ่มหลักในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา
กองทุน ETF ของ Charles Schwab เหมาะกับนักลงทุนอย่างไร?
กองทุน ETF ของ Charles Schwab ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการ ต้นทุนต่ำ เน้นกระจายความเสี่ยง และคาดหวังผลตอบแทนระยะยาว โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลัก ดังนี้
- นักลงทุนมือใหม่ สามารถลงทุนในหุ้นหรือสินทรัพย์หลายร้อยตัวผ่านกองทุนเดียว จึงช่วยลดความยุ่งยากในการเลือกหุ้นรายตัว
- นักลงทุนสาย DCA ผู้ที่ลงทุนเป็นประจำและแต่ละครั้งใช้เงินลงทุนไม่มาก จะได้รับประโยชน์เต็มที่จากค่าธรรมเนียมต่ำและไม่มีค่าคอมมิชชั่น จึงช่วยลดต้นทุนรวมในระยะยาว
- นักลงทุนเพื่อเป้าหมายระยะยาว/เกษียณ เช่น กองทุน ETF SCHD (หุ้นปันผล) หรือกองทุน ETF SCHB (ตลาดรวม) ให้รายได้ปันผลต่อเนื่องและความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นรายตัว เหมาะสำหรับการสร้างความมั่นคงในพอร์ตลงทุน
สรุป สำหรับนักลงทุนไทยที่กำลังมองหาช่องทางการลงทุนในตลาดสหรัฐอเมริกาหรือตลาดโลกอย่างมีประสิทธิภาพ กองทุน ETF ของ Charles Schwab ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะในระยะยาวค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าเพียงเล็กน้อย สามารถสร้างความแตกต่างของผลตอบแทนได้อย่างน่าประทับใจ

















