1O กองทุน ETF ค่าย First Trust ป๊อปปูลาร์สูงสุด
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Youtube | Facebook | TikTok | Instagram | Line
ในโลกของการลงทุน กองทุนรวม ETF ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง เนื่องจากความยืดหยุ่นในการซื้อขายและความโปร่งใส ในตลาดสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นสนามแข่งขนาดใหญ่สำหรับกองทุน ETF มีผู้ให้บริการรายใหญ่อยู่หลายราย และหนึ่งในนั้นที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือ First Trust
First Trust ไม่ได้แข่งขันด้วยค่าธรรมเนียมที่ถูกที่สุด แต่เลือกสร้างสรรค์นวัตกรรมและกลยุทธ์เฉพาะทาง ทำให้กลายเป็นผู้ให้บริการกองทุน ETF รายใหญ่ติดอันดับ Top 10 ในสหรัฐอเมริกา ด้วยสินทรัพย์บริหาร (AUM) ปี 2568 ที่สูงถึงประมาณ 270 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และล่าสุดมีกองทุน ETF จำนวน 286 กองทุน
คำถามที่น่าสนใจ คือ First Trust มีดีอะไร ทำไมกลยุทธ์และค่าธรรมเนียมที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม (ประมาณ 0.75 – 0.84% เทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 0.41%) จึงยังดึงดูดนักลงทุนได้ บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับ First Trust และเจาะลึกกลยุทธ์กองทุน ETF ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนว่ากองทุนเหล่านี้เหมาะกับการมีในพอร์ตลงทุนหรือไม่
จุดเริ่มต้นและเส้นทางการเติบโต
First Trust ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกันยายนปี 1991 โดย Robert Donald Van Kampen ซึ่งเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ในการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับนักลงทุนและให้บริการที่ปรึกษาการลงทุน ในช่วงแรกบริษัทมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า Unit Investment Trusts (UITs) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีพอร์ตลงทุนคงที่และมีอายุจำกัด
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 2006 เมื่อ First Trust ได้เข้าสู่ตลาดกองทุน ETF อย่างเป็นทางการด้วยการเปิดตัว First Trust Value Line Dividend Index Fund (FVD) ซึ่งเป็นการแปลงกองทุนรวมปิดให้เป็นกองทุน ETF กองแรกบนตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทในการปรับตัวเข้ากับแนวโน้มตลาด โดย FVD ได้กลายเป็นกองทุน ETF เรือธง และเป็นกองทุนที่มุ่งเน้นหุ้นปันผลสูงที่มีความปลอดภัย
3 กลยุทธ์ ETF ที่เป็นเอกลักษณ์
1. Smart Beta และกลยุทธ์ AlphaDEX การคัดเลือกหุ้นที่เข้มข้น
First Trust เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการรายแรกๆ ที่นำเสนอ Smart Beta ETFs ซึ่งเป็นแนวทางที่ไม่ได้ถ่วงน้ำหนักหุ้นตามมูลค่าตลาดแบบดั้งเดิม (Market Cap-Weighted)
- AlphaDEX คือ กลยุทธ์หลักของ First Trust ที่ใช้โมเดลการให้คะแนนแบบเชิงปริมาณ (Quantitative Scoring Model) ในการคัดเลือกหุ้น
- การประเมินหุ้นจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ โมเดลมูลค่า (Value Model) ที่ให้คะแนนตามปัจจัย เช่น อัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี และโมเดลการเติบโต (Growth Model)
- น้ำหนักของหุ้นในกองทุน ETF จะถูกกำหนดตามคะแนนที่ได้รับ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ปรับความเสี่ยงแล้วได้ดีกว่าดัชนีมาตรฐาน
2. Thematic ETF ตามทันทุกเทรนด์โลก
First Trust เป็นผู้บุกเบิกในกลุ่ม Thematic ETF ซึ่งเป็นกองทุน ETF ที่มุ่งเน้นไปที่แนวโน้มเฉพาะทางหรือธีมการลงทุนที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง
- ตัวอย่างของธีมที่ First Trust นำเสนอ ได้แก่ คลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing), ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity), เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain), และพลังงานนิวเคลียร์ (Nuclear Power)
- กองทุนที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก คือ First Trust Dow Jones Internet Index Fund (FDN) ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทุน ETF ที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในโลกในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีถึง 22%
3. Target Outcome ETF นวัตกรรมการจัดการความเสี่ยง
นวัตกรรมที่โดดเด่นที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คือ Target Outcome ETF ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้ผลตอบแทนที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (Pre-determined Target Outcome) โดยใช้กลยุทธ์ FLEX Options
- Buffer Series ETF เป็นตัวอย่างที่ได้รับความนิยม โดยมุ่งป้องกันการขาดทุนในระดับหนึ่ง (เช่น 10% หรือ 15%) ในขณะที่ยังคงให้โอกาสในการเติบโตถึงเพดาน (cap) ที่กำหนดไว้
- Target Income Series มุ่งเน้นการสร้างรายได้เสริมจากการขายออปชัน
- กองทุน ETF เหล่านี้เติบโตอย่างรวดเร็ว มีสินทรัพย์บริหารรวมกว่า 33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ เดือนกันยายนปี 2568 และเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการบริหารความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดผันผวน
กองทุน ETF ของ First Trust เหมาะกับนักลงทุนประเภทไหน
แม้จะมีค่าธรรมเนียมที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย แต่กลยุทธ์ที่ซับซ้อนและเฉพาะเจาะจงของ First Trust ทำให้กองทุน ETF เหมาะกับนักลงทุนในกลุ่มต่อไปนี้
- ผู้ที่ต้องการกลยุทธ์เฉพาะทาง เหมาะสำหรับผู้ที่เชื่อในการคัดเลือกหุ้นตามปัจจัย (Factor-Based Investing) ที่เหนือกว่าการถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าตลาด และต้องการเข้าถึงเทรนด์การลงทุนใหม่ๆ เช่น กองทุน AlphaDEX ETF และกองทุน Thematic ETF
- ผู้ที่ต้องการบริหารความเสี่ยง ผู้ที่ต้องการป้องกันการขาดทุนในตลาดขาลงหรือต้องการจำกัดการขาดทุนสูงสุดในขณะที่ยังเปิดรับโอกาสเติบโตในระดับหนึ่ง เช่น กองทุน Target Outcome ETF (สำหรับ Target Outcome ETF ผลตอบแทนที่กำหนดไว้ล่วงหน้าจะมีผลเฉพาะกับนักลงทุนที่ซื้อกองทุนในวันแรกของงวด (Target Outcome Period) และถือจนจบงวด ซึ่งมักจะเป็นระยะเวลาประมาณหนึ่งปี และนักลงทุนต้องยอมรับข้อจำกัดเรื่องเพดานของผลตอบแทนสูงสุด)
- ผู้ที่ต้องการเงินปันผลและความมั่นคง เหมาะสำหรับผู้ที่มุ่งเน้นรายได้จากเงินปันผล และต้องการกองทุนที่มีความผันผวนต่ำกว่าตลาดโดยรวม เช่น กองทุน First Trust Value Line Dividend Index Fund (FVD)
- นักลงทุนทั่วไป First Trust เน้นการสร้างความสัมพันธ์กับที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งจะสามารถช่วยแนะนำและอธิบายกลยุทธ์ที่ซับซ้อนเหล่านี้ให้กับนักลงทุนได้อย่างเหมาะสม จึงสามารถลงทุนกองทุน ETF ได้ทุกกองทุน
สรุป: First Trust ได้พิสูจน์แล้วว่า คือผู้ให้บริการกองทุน ETF ที่มีนวัตกรรมและความสามารถในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะทางของนักลงทุน เริ่มต้นจาก UITs สู่การเป็นผู้นำด้าน Smart Beta Thematic และ Target Outcome ETF
การทำความรู้จักกับกองทุน ETF ของ First Trust ช่วยให้เข้าใจว่ากองทุน ETF ไม่ได้มีแค่กองทุนรวมดัชนีแบบ Market Cap-Weighted เท่านั้น ยังมีกองทุน ETF ที่มีกลยุทธ์เฉพาะเจาะจงที่สามารถช่วยบริหารความเสี่ยง หรือจับเทรนด์ที่เป็นอนาคตของเศรษฐกิจโลกได้
สิ่งสำคัญที่สุด คือการทำความเข้าใจว่าการจ่ายค่าธรรมเนียมที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม (0.75 – 0.84%) เป็นการแลกเปลี่ยนกับกลยุทธ์ที่ซับซ้อนและมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ปรับความเสี่ยงแล้วได้มีประสิทธิภาพ ดังนั้น นักลงทุนควรประเมินอย่างรอบคอบว่ากลยุทธ์ที่ First Trust นำเสนอนั้น คุ้มค่ากับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและสอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุนในระยะยาวหรือไม่
ดังนั้น การลงทุนที่มีประสิทธิภาพควรมีความหลากหลาย และการเพิ่มกองทุน ETF ที่มีกลยุทธ์เฉพาะทางที่คัดสรรมาอย่างดีเข้ามาในพอร์ตลงทุน อาจเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างผลตอบแทนที่ดีและช่วยบริหารความเสี่ยงในช่วงเวลาที่ตลาดมีความไม่แน่นอนสูงได้
